โควิด19 กับความเครียดภัยเงียบทำลายสุขภาพจิต

ระยะนี้พวกเราติดตามข่าว “โควิด-19” แบบหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง พวกเล่น LINE ต่างขยันส่งข่าวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวจินตนาการไปเอง เรียกว่านอนละเมอฝันร้ายกันทั้งคืน การพูดคุยก็วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ เดิมทีไม่มีใครคิดว่าโควิด-19 จะลุกลามเป็นไฟไหม้ฟางเลวร้ายไปทั่วโลก สร้างความเครียดให้กับทุกคน จากความเครียดที่ตอนแรกเป็นแบบ “กะทันหัน” มากลายเป็นเครียดแบบ “เรื้อรัง” บั่นทอนสุขภาพกายและใจ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ความเครียดเป็นเรื่องที่มีกันทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยเจอกับความเครียด อย่างไรก็ตาม หากสามารถควบคุมให้ความเครียดอยู่ในระดับพอดี ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลัง มีความกระตือรือร้นในการต่อสู้กับชีวิต และช่วยผลักดันให้เอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ดังนั้น ความเครียดจึงมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้ายผสมผสานกันไป นักจิตวิทยาอ้างว่า ชีวิตเราต้องเจอกับความเครียดบ้าง เพราะความเครียดช่วยกระตุ้นให้ลงมือทำงานได้สำเร็จ แต่หากเราควบคุมระดับความเครียดไม่ได้ ก็จะเกิดความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ วิตกกังวล คิดฟุ้งซ่าน และหงุดหงิด ไปจนถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะวิวาทหรือเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้คน เข้าขั้นเรื้อรังทำให้เกิดผลเสียและย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราได้

เมื่อพูดถึงวิธีขจัดความเครียด การบริหารจัดการของแต่ละคนจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน หลัก ๆ คือการควบคุมสติ พร้อม ๆ กับหาทางออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ การหันไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็จะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ อย่างในกรณีของผม ทุกเช้าจะมาวิ่งออกกำลังกายก่อน อ่านและเซ็นงานในแฟ้ม แล้วจึงลงมารับประทานอาหารเช้า กินกาแฟ พูดคุยเรื่องรอบตัวที่ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู้งานไปตลอดทั้งวัน

พระฝรั่งชื่อดัง 2 รูป พูดถึงเรื่องการจัดการความเครียดไว้อย่างน่าฟัง ท่านแรกคือ มาติเยอ ริการ์ (Matthieu Ricard) ชาวฝรั่งเศสที่เคยเป็นนักเขียนมาก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และเคยเป็นล่ามขององค์ดาไลลามะ อีกทั้งยังเป็นผู้ได้รับตำแหน่ง “มนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก” จากสื่อมวลชนหลายสาขาในปี 2547

ท่านพูดไว้ว่า “ความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ลองจิตนาการว่ากำลังมีวัวกระทิงวิ่งตามขวิดคุณ มันคือที่สุดแห่งความเครียด หรือเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกบีบบังคับ จนอยากหนีจากจุดจุดนั้น แต่ไม่สามารถทำได้ มันเป็นความเครียด ทั้งด้านกายและใจที่คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แต่เราควรจะสลัดทิ้งมันไป การที่คุณรู้สึกเครียดแบบเดียวกับที่มีวัวกระทิงวิ่งตามหลังคุณอยู่ มันจะทำให้สุขภาพย่ำแย่ มันจะทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป

เช่น ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้น เราจะไม่สามารถมีความสุขได้ หรือถ้าสิ่งนั้นยังเกิดขึ้นอยู่ เราจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น วิธีการจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ง่ายมาก ๆ แค่บอกกับมันว่า เราโอเค ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร วิถีชีวิตที่เครียดขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามองปัญหาต่าง ๆ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราจะสามารถเปลี่ยนหรือควบคุมมันได้

ท่านที่สอง คือ พระอาจารย์ชยสาโร ชาวอังกฤษ ผู้กล่าวว่า “ทางพุทธศาสนาจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ด้วยการกล่อมจิตใจหรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์ด้วยวิธีต่าง ๆ คนส่วนมากมักจะมีความเครียด แต่แทนที่จะหยุดทบทวนวิถีชีวิต และถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเครียดอย่างนี้เพราะอะไร เราต้องรู้จักปล่อยวาง ต้องยอมรับว่าเราดำเนินชีวิตผิดทางไปแล้ว ศาสนาสอนให้เรามีสติ ทำจิตให้ว่าง อย่าปล่อยให้มีความเครียด อย่าให้มีความทุกข์

แต่ว่าเรายังไม่ค่อยได้ทำเป็นกิจจะลักษณะ บางทีก็ทำพอเป็นพิธี บางคนอาการหนักมาก ๆ เมื่อกลับมาทำงานก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำ เพราะฉะนั้น การภาวนา การเจริญสติ การทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นทางออกให้กับชีวิตที่มีความสุขและความพอดี”

การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้พวกเราเกิดความเครียด วิตกกังวล หมกมุ่น และออกอาการสับสนอลหม่าน แต่หากเราได้ตั้งสติ ตื่นตัว รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใคร่ครวญ ด้วยเหตุและผลรู้จักแยกแยะ และคัดกรอง มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ก็จะไม่ทำให้อาการเครียดลุกลามถึงภาวะขาดสติ จนถึงกับเป็นภัยต่อชีวิตยิ่งกว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง ๆ

ที่มา : prachachat.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน