แพร่เชื้อ Covid-19 ไม่รู้ตัว แค่ออกกำลังกายนอกบ้าน

ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ออกมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายนอกบ้าน อาจเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไกลกว่าที่คิด เพราะล่าสุดงานวิจัยจากเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ออกมาจากผู้ป่วยโควิด-19 ขณะกำลังเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจสามารถแพร่เชื้อไปได้ไกลกว่าการอยู่เฉยๆ กับที่แล้วไอ หรือจาม ที่จะมีรัศมีในการแพร่เชื้ออยู่ที่ 1-2 เมตร แต่การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียว

งานวิจัยล่าสุดจาก KU Leuven (เบลเยี่ยม) และ TU Eindhoven (เนเธอร์แลนด์) ระบุว่า จากที่เราให้การระมัดระวังในเรื่องของ Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร เพื่อป้องกันการสูดเอาละอองฝอยน้ำลายจากการไอจามของผู้ป่วยโควิด-19 นั้น หากตัวผู้ป่วยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนที่อยู่ด้านหลังอาจได้รับละอองฝอยน้ำลายของผู้ป่วยที่อยู่ด้านหน้าได้ไกลกว่า 1-2 เมตร

1.การเดินอยู่ด้านหน้า สามารถแพร่เชื้อที่อยู่ในละอองฝอยน้ำลายไปทางด้านหลังได้ไกลเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เมตร

2. การวิ่ง หรือปั่นจักรยานช้าๆ จะไปได้ไกลถึง 10 เมตร

3. การปั่นจักรยานเร็วๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตร
ดังนั้นในหลายพื้นที่จึงออกมาตรการห้ามใช้บริการในสถานที่สาธารณะ รวมถึงบ้านเราที่ปิดสวนสาธารณะในบางช่วงเวลาในช่วงนี้ด้วย เพื่อลดการออกกำลังกายในสถานที่สาธารณะที่อาจเป็นการแพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่นได้

แนะนำว่า ช่วงนี้ควรออกกำลังกายในพื้นที่ส่วนตัว ในบ้าน ในห้อง หรือรอบๆ บ้านที่มีรั้วกั้นระหว่างบ้านเราและบ้านคนอื่นอย่างชัดเจนจะดีที่สุด

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : gladiator-lab.ru,เฟซบุ๊คเพจ หมอเวร

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พลิกวิกฤต COVID-19 ด้วย 5 สินค้าทำเงิน!

ในช่วงเวลาที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาด ส่งผลให้สินค้าบางกลุ่มมีความต้องการสูง อย่างเช่น หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ สำหรับผู้ประกอบรายเล็กอย่าง SME จะใช้สถานการณ์นี้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับตัวเองอย่างไร ท่ามกลางต้นทุนที่มีจำกัด ทั้งยังเข้าไม่ถึงวัตถุดิบบางอย่างที่อาจขาดตลาดด้วย

หลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปในประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว มีความต้องการทางการตลาดพุ่งสูง แซงหน้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการอีกด้วย ส่องไอเดียพลิกข้อจำกัด SME สู่ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุดปังจะมีอะไรบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันค่ะ

1.เปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยมีสูงกว่าช่วงเวลาปกติ สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศ ที่ทำได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน (ข้อมูลจาก กรมการค้าภายใน) ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้าได้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีด้วย

เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนกันแล้ว โดยสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัส COVID-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลัง ไอ จาม หรือเสมหะ เป็นต้น

2.ปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพประเภทเจลล้างมือพุ่งสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตในประเทศไทย ณ เวลานี้ อยู่ที่ประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือได้ เนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย

แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวนั้น ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูกอีกด้วย

3.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์

ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิชชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา “ทิชชูเปียก” มาสู่ “ทิชชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9 เปอร์เซ็นต์ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง

4.ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส

สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งานได้

5.เสริมสร้างภูมิปัญญาไทยโอกาสสมุนไพรไทยระดับสากล

ปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้วย

นี่คือโอกาสในวิกฤตที่ผู้ประกอบการ SME สามารถนำมาเป็นไอเดียต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกให้มีอัตราการขยายตัวลดลง ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2563 ว่าจะขยายตัวในช่วง 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19) จากเดิมคาดการณ์การขยายตัวที่ 2.7-3.7 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ผู้ประกอบการ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน จึงต้องเร่งปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ในวันนี้ได้

ยังคงใช้ได้เสมอ กับคำว่า “โอกาสในวิกฤต” ถ้าเพียงแค่ผู้ประกอบการเปลี่ยนมุมคิด และตั้งรับกับสถานการณ์วิกฤตกันใหม่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ ก็อาจเกิดเป็นโอกาสธุรกิจที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคุณได้
และนี่คือ 5 ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการ SME แม้แต่วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตตลอดจนเลือกใช้วัตถุดิบอื่นๆ ทดแทนวัตถุดิบหลักที่ขาดแคลน เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทำเงิน

www.smethailandclub.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 วิธี แก้ปัญหามือแห้ง จากการล้างมือ

ทุกวันนี้การล้างมือ ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลแอลกอฮอล์นั้น แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราต้องทำ เพื่อให้ห่างไกลจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus) หรือโควิด-19 (COVID-19)  แต่การที่เราต้องล้างมืออยู่บ่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวและมือของเราแห้งกร้าน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 วิธี เพิ่มความชุ่มชื้นลดอาการแสบคันเมื่อต้องใช้แอลกอฮอล์บ่อยๆ มีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1. เลือกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีตัวมอบความชุ่มชื้น
ผมเข้าใจว่าทุกวันนี้แค่หาเจลแอลกอฮอล์สักหลอดมาใช้ล้างมือก็ยากแล้ว แต่ถ้าคุณยังโชคดีที่เดินซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตแล้วเจอเจลแอลกอฮอล์หลายแบบ สิ่งที่คุณควรทำหลังจากเช็กส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70-75% บนฉลากแล้ว คุณควรดูด้วยว่ามีตัวช่วยเรื่องความชุ่มชื้นไหม อย่างเช่นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ หรือแตงกวา เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการทำให้ผิวแห้งเป็นขุย

2. ใช้แฮนด์ครีม
เมื่อมือแห้งมาก ตัวช่วยเร่งด่วนที่สามารถทำได้เลยหลังจากใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ คือการใช้แฮนด์ครีม ซึ่งในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งกลิ่น ขนาด และสูตรที่ช่วยบำรุงมือ นอกจากนี้คุณควรทาก่อนนอนอีกด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างที่คุณนอนหลับ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่อยากใช้แฮนด์ครีมบ่อยในช่วงกลางวัน

3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเป่ามือด้วยลมร้อน
นอกจากความร้อนของเครื่องเป่ามือด้วยลมร้อนแบบอัตโนมัติจะทำให้มือแห้งจากการระเหยความชุ่มชื้นบนมือแล้ว ยังมีผลวิจัยจาก University of Connecticut ว่า เจ้าเครื่องนี้คือตัวแพร่กระจายเชื้อโรค หากไม่ได้ใช้แผ่นกรองที่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้เปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา เพราะมันจะดูดลมที่ปะปนไปด้วยเชื้อโรคที่มองไม่เห็นในห้องน้ำเข้าไป แล้วพ่นออกมา ทางที่ดีคุณควรใช้ทิชชูทำความสะอาดมือด้วยการเช็ดเบาๆ

4. น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกช่วยได้
สูตรการทำให้มือกลับมาชุ่มชื้นด้วยสิ่งของที่อยู่รอบตัวเรานั้นมีมากมาย แต่การใช้น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกคือวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงคุณเทน้ำอุ่นใส่ลงในภาชนะสำหรับแช่มือ แล้วหยดน้ำมันมะกอกลงไป 3 ช้อนชา หลังจากนั้นจึงแช่มือลงไป ค่อยๆ นวดมือเบาๆ ทำสลับกับพักเป็นเวลา 10 นาที น้ำมันมะกอกจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งคุณสามารถทำวิธีนี้ระหว่างดูข่าวทางโทรทัศน์ก็ได้เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

5. อย่าลืมดื่มน้ำ
คุณควรดื่มน้ำสะอาดโดยเฉลี่ยวันละ 10 แก้วทุกวัน เพื่อช่วยบำรุงผิวจากภายใน และรักษาอาการผิวขาดน้ำ แต่วิธีนี้จะไม่สามารถช่วยได้ในทันทีทันใด เนื่องจากเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำจะไม่ได้ไหลเข้าสู่เซลล์ผิวเราโดยตรง แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้วค่อยส่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นจึงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว

ที่มา : gqthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิธีรับมือปัญหากินจุกจิกจากความเครียด

ความเครียดนั้นเป็นปัญหาที่มักพบได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนว่าจะติดหรือไม่ติดโควิด-19 รวมทั้งการถูกจำกัดพื้นที่ให้ทำงานจากที่บ้านด้วยนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น บางคนตอบรับความเครียดด้วยการกิน กิน แล้วก็กิน วันนี้ SI มีบทความดีๆ จากนักโภชนาการที่แนะวิธีรับมือ ปัญหา “กินจุกจิก” จาก “ความเครียด” จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1.เราควรพยายามรู้ตัวและควบคุมสาเหตุที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นการติดตามข่าว หรือการอ่านเรื่องราวที่มีการแชร์ออนไลน์มากเกินไป แต่หากเราไม่สามารถเลี่ยงตัวกระตุ้นความเครียดที่ว่านี้ได้แล้ว คุณคาโรลีน โอนีล นักโภชนาการผู้หนึ่ง แนะว่าเราควรทำบันทึกรายการอาหารที่หยิบเข้าปากในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้เห็นภาพว่าเรากินอะไร ที่ไหน และเป็นจำนวนเท่าใด

2. ถ้าเราอดกินจุกจิกหรือละเว้นของขบเคี้ยวไม่ได้ นักโภชนาการแนะให้เตรียมของกินเล่นในปริมาณที่เหมาะสมไปล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอตัวกินเพลินจนหมดทั้งถุงใหญ่นั่นเอง

3. จัดบริเวณครัวและตู้เย็นเสียใหม่ โดยเอาของกินที่ล่อตาล่อใจไปให้พ้นสายตา และเอาของดีที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ วางไว้ในบริเวณที่เห็นหรือหยิบฉวยได้ง่ายในตู้เย็น ซึ่งจะเป็นประโยชน์เวลาที่เกิดแรงกระตุ้นให้ต้องหาอะไรกินลดความเครียด

4. ควรหาเวลาหยุดพักเพื่อจิบชาสมุนไพร หรือกาแฟใส่โกโก้บ้าง เพื่อช่วยบริหารจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ให้สะสมความเครียดมากจนเบรคไม่อยู่
แต่สุดท้ายหากทนไม่ไหวจริงๆ และต้องลดความเครียดด้วยการสนองความต้องการของปากกับลิ้นแล้ว นักโภชนาการแนะให้พยายามเลือกของว่างลดความเครียดที่มีประโยชน์ เช่น ช็อกโกแลตดำที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นต้น

โดยข้อคิดและเคล็ดลับสำหรับการรับมือกับความเครียดแบบไม่ตามใจปาก ซึ่งทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ทำงานจากบ้านอาจนำไปใช้ได้ ก็คือ นอกจากการสร้างระยะห่างทางสังคม ถ้าจะให้ดีแล้วควรต้องสร้างระยะห่างที่พอดีจากครัวและตู้เย็นด้วยเช่นกัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สิวบุกเพราะแมส แก้ไขได้ด้วยทริคง่ายๆ

หน้ากากอนามัย ไอเทมที่ต้องมีติดตัวในช่วง COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ระบาด แต่ปัญหาผิวที่ตามมาคือ ใส่หน้ากากอนามัยแล้วสิวขึ้น ระคายเคือง เป็นผื่น เป็นเพราะอะไรและควรทำอย่างไรดี

จากการระบาดของ COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ในเร็ววันนี้ ทำให้ชีวิตประจำวันของสาว ๆ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันเกือบตลอดเวลา เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ แต่การสวมหน้ากากอนามัยทุกวันเป็นประจำนี่เอง ใบหน้าของเราจึงต้องสัมผัสกับหน้ากากอยู่บ่อย ๆ ทำให้หลายคนมีปัญหาผิว สิวเยอะขึ้น ระคายเคือง คัน และมีผื่นแดงตามมา เป็นเพราะสาเหตุอะไรและจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากอนามัย

ขณะที่เราสวมใส่หน้ากากอนามัย จะเกิดการเสียดสีระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า ทำให้ผิวระคายเคือง เกิดเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ รวมถึงตุ่มหนองขนาดเล็ก ๆ ขึ้นมาได้ และการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ๆ ยังทำให้ผิวภายใต้หน้ากากอบไปด้วยความร้อน เหงื่อ และละอองน้ำ ก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และผิวอุดตันได้ง่าย ซึ่งเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

2. อาการคันและผื่นแดงจากการใส่หน้ากากอนามัย

อาการคัน และเป็นผื่น อาจจะเกิดขึ้นบริเวณขอบหน้ากาก แก้ม ปาก คางและจมูกก็ได้ ส่วนใหญ่เกิดจากการระคายเคือง เช่น การกดทับ การขยับไป-มา มากกว่าเกิดจากการแพ้สัมผัสจากส่วนประกอบของหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ จากข้อมูลงานวิจัยในช่วงนี้มีการระบาดของโรค SARS ระหว่างปี ค.ศ. 2002-2004 พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ 35.5% มีปัญหาผิวจากการใช้หน้ากากชนิด N95 อย่างต่อเนื่อง โดย 59.6% เป็นสิว, 51.4% มีอาการคันหน้า และ 35.8% มีผื่นที่ใบหน้า (ใน 1 คนอาจมีหลายอาการได้) ซึ่งในจำนวนนี้ พบคนที่ใส่ N95 ส่วนหนึ่งแพ้สารฟอร์มาลดีไฮด์ที่อยู่ใน N95 นั่นเอง แต่คนที่ใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดายังไม่พบว่ามีการแพ้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากรายงานกรณีแพทย์ที่มีผื่นแพ้สัมผัสจากหน้ากากอนามัย โดยมีอาการผื่นคันที่หน้าผาก เปลือกตา และแก้ม ซึ่งเป็นหลังจากช่วงที่เข้าห้องผ่าตัด และอาการผื่นดีขึ้นในช่วงวันหยุดที่ไม่ได้ผ่าตัด เคสนี้ได้ทดสอบการแพ้ พบว่าแพ้สารไทยูแรม (Thiauram) ซึ่งพบว่าอยู่ในส่วนที่เป็นสายคล้องหูของหน้ากากนั่นเอง

ดังนั้น หากเกิดอาการคัน เป็นผื่น จากการใส่หน้ากากอนามัย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าแพ้หน้ากากอนามัย เพราะเคสผื่นแพ้สัมผัสแบบนี้เจอได้น้อยมาก ส่วนเรื่องการทดสอบการแพ้ (Patch test) ก็สามารถทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกคน

เทคนิคลดปัญหาผิว จากการใส่หน้ากากอนามัย

วิธีใส่หน้ากากอนามัยแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยลดปัญหาผิว ทั้งสิว ผื่นคัน และอาการแพ้ สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อลดโอกาสเสื่ยงจากการเกิดสิว จึงควรล้างหน้าให้สะอาดมากขึ้น ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิว รีเช็กการทำความสะอาดขั้นตอนสุดท้ายโดยใช้โทนเนอร์เช็ดที่ผิว จนกว่าจะไม่มีคราบบนสำลี และควรล้างหน้าเมื่อมีเหงื่อออกมาก โดยไม่ต้องขัดหรือสครับผิวหน้า

2. งดแต่งหน้า ถ้าจำเป็นต้องแต่งจริง ๆ ให้เว้นใบหน้าครึ่งล่างไว้ แต่งเฉพาะครึ่งบนได้

3. เลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่ทำให้อุดตันหรือเป็นสิว วิธีง่าย ๆ คือให้สังเกตตรงฉลากจะมีคำว่า Oil-free, Non-comedogenic, Non-acnegenic, Won’t clog pore เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศร้อน ที่มีผู้คนแออัด

5. ถอดหน้ากากอนามัยออกบ้าง เวลาที่อยู่คนเดียว หรืออยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และผู้คนไม่พลุกพล่าน

6. หาทิชชูสะอาดบาง ๆ คั่น ระหว่างหน้ากากอนามัยกับใบหน้า

7. เปลี่ยนหน้ากากอนามัยอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ

8. กินยาแก้แพ้ แก้คัน ช่วยลดอาการคันได้ ถ้าไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

9. ถ้าเป็นสิว ทายาแต้มสิวได้ ถ้าเป็นเยอะหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เช่นกัน

10. ระวังไม่ให้เส้นผมเข้าไปในหน้ากากอนามัย เพราะความมันจากเส้นผมก็เป็นสาเหตุของสิวได้

11. ไม่ควรลองใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางใหม่ ๆ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ของใหม่

12. ทำความสะอาดพัฟหรือแปรงแต่งหน้า สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

13. เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ควรซักและเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าจะให้ดี เปลี่ยนสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็ได้

14. ลดสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นสิว เช่น ไม่จับหน้าบ่อย ๆ ไม่นอนดึก ไม่กินของหวาน ๆ

รู้แบบนี้แล้ว สาว ๆ ก็ลองนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการใส่หน้ากากอนามัยของตัวเองกันดู และอย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าหลังถอดหน้ากากอนามัยกันด้วยนะคะ คราวนี้การใส่หน้ากากก็จะไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้หน้าพังอีกแล้ว ถึงไวรัสจะมา แต่หน้าเราต้องรอด

ที่มา : เฟซบุ๊ก Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พัก “สายตา” ก่อน WFH ในยุค Covid-19

ช่วงนี้หลายๆ องค์กรออกมาประกาศนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือ Work From Home ทุกคนทราบกันมั๊ยคะว่า จริงๆ แล้วอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ เพราะการทำงานที่บ้านในช่วงกักตัว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 นั้น  กิจวัตรประจำวันของแต่ละคนเชื่อได้เลยว่าต้องอยู่หน้าจอเกือบทั้งนั้น อาจจะมากกว่าการทำงานปกติด้วยซ้ำ โดยเฉพาะยิ่งเรารักษาระยะห่างทางสังคม เรายิ่งต้องติดต่อกันผ่านโปรแกรมแชทนั้นเอง

หากพูดถึงอันตรายจากแสงสีฟ้า ก็เป็นที่ทราบกันดีเลยล่ะค่ะ เมื่อเราจอจอนานๆ อาจจะก่อให้เกิดภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) ซึ่งจะมีอาการ ปวดตา,ตาแห้ง,ตาพร่า,น้ำตาไหล หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเกิด โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration : AMD) มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ถ้าเผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ในดวงตาตาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย

9 วิธีป้องกันแสงสีฟ้าง่าย ๆ ที่เรานำมาฝาก สามารถทำตามกันได้เลย

1. ปรับแสงสว่างและความคมชัดของหน้าจอให้รู้สึกสบายตา สังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่เราไม่ต้องหรี่ตาเวลามองหน้าจอ

​2. สวมแว่นกรองแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อถนอมสายตาไม่ให้ปะทะกับแสงสีฟ้าบนหน้าจอโดยตรง วิธีนี้จะช่วยปกป้องดวงตาเราจากแสงสีฟ้าได้ดีเลยทีเดียว

3. ติดแผ่นกรองรังสีไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตสามารถติดฟิล์มกรองแสงด้วยเช่นกัน

4. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา ช่วยลดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้

5. ควรกะพริบตาให้ได้ 1-2 ครั้งต่อ 10 วินาที เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ วิธีนี้จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้

6. ใช้สูตร 20-20-20 คือ ทุก ๆ 20 นาที ควรละสายตาจากหน้าจอไปมองบริเวณอื่น ๆ โดยให้มองห่างจากบริเวณที่นั่งอยู่ประมาณ 20 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อรีเฟรชสายตาให้ได้ปรับตัวใหม่

7. ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่พออ่านสบายตา

8. ทำความสะอาดหน้าจอ การทำความสะอาดหน้าจอได้หมดจด จะทำให้เราเห็นหรืออ่านได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับดวงตาเรา

​9. จำกัดเวลาอยู่หน้าจอ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง และพักเบรก 10 นาที

ที่มา : eyeguardgroup.com, hellomagazine.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


15 วิธีออกกำลังกายที่บ้าน แข็งแรงปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงโควิด

ในช่วงโควิด-19 ฟีเวอร์นี้ เป็นช่วงนี้เกือบทุกคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมสุดเจ๋งเพื่อสุขภาพ อย่าเพิ่งคิดว่าจะต้องไปออกกำลังนอกบ้านถึงจะได้ผลดี เพราะอยู่ที่บ้านก็ฟิต แอนด์ เฟิร์มได้เหมือนกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของการออกกำลังกายมาฝากกันค่ะ

กระโดดเชือก

เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายสุดเบสิกอย่างการกระโดดเชือก สำหรับหลายคนก็คงจะเคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงจะดูง่าย ๆ แต่ได้ผลดีไม่แพ้กับการออกกำลังกายชนิดอื่น ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้เหงื่อออกได้แล้วก็ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย และยังได้ความสนุกสนานอีกด้วย ซึ่งถ้าอยากให้การกระโดดเชือกไม่น่าเบื่อก็ลองชวนคนในบ้านมากระโดดเชือกไปด้วยกัน ก็ดีไปอีกแบบนะ

พิลาทิส

พิลาทิส เป็นการออกกำลังกายที่เน้นสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อในร่างกายแบบที่ไม่ต้องออกแรงมาก และท่าออกกำลังกายก็ไม่ยากอย่างที่คิดเพียงแต่ในช่วงเริ่มแรกควรจะไปศึกษาท่าทางที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีกว่า เพื่อการออกกำลังกายแบบพิลาทิสจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยืดกล้ามเนื้อ

เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ทั้งสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานหนักอีกด้วย ลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการใช้งานที่หนักเกินไปได้ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ แค่รู้วิธีการยืดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องก็ทำได้แล้วล่ะ

จ๊อกกิ้งอยู่กับที่

หากไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายนอกบ้าน แต่ก็อยากจะจ๊อกกิ้งละก็ ลองใช้วิธีวิ่งอยู่กับที่สิ การออกกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่กับที่นอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้ตื่นตัวกระฉับกระเฉงแล้ว ก็ยังถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ได้ผลดีทั้งต่อหัวใจอีกด้วยล่ะ และถ้าอยากเพิ่มความท้าทายให้ตัวเองก็เพียงยกเข่าให้สูงขึ้นก็จะทำให้ร่างกายได้ออกกำลังกายมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

โยคะ

โยคะถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้ผลดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ด้วย แค่มีเพียงเสื่อโยคะก็เพียงพอ ส่วนท่าฝึกโยคะก็มีทั้งแบบท่าง่าย ๆ ไปจนถึงท่าที่ต้องใช้ความชำนาญ โดยอาจจะเริ่มต้นฝึกด้วยตนเองหรือเข้าคลาสโยคะเพื่อการฝึกที่ถูกต้องก็ได้ค่ะ บอกเลยว่าถ้าทำเป็นประจำสุขภาพจะดีอย่างแน่นอน

หกสูง

อาจจะเป็นท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูงเสียหน่อย แต่ก็ให้ผลดีเป็นเลิศ โดยท่านี้สามารถเผาผลาญแคลอรีได้อย่างน้อย 50-80 แคลอรีต่อครั้งเลยล่ะ และยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้สามารถไหลเวียนได้ทั่วร่างกายมากขึ้น ซึ่งถ้าอยากจะเริ่มทำท่านี้ ก็เริ่มจากการนั่งหันหน้าเข้ากำแพง และเริ่มถีบขาขึ้นไปบนอากาศ ใช้แขนเท้าพื้นไว้ทั้งสองข้างจนกว่าจะทรงตัวได้ แต่ต้องขอบอกว่าอย่าทำท่านี้นานเกินไปเพราะอาจจะทำให้เลือดคั่งได้นะคะ

เต้นรำ

จะมีอะไรที่สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดและช่วยออกกำลังกายได้ดีไปกว่าการเต้นรำอีกล่ะ แค่เปิดเพลงและขยับร่างกายไปตามจังหวะ ก็สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากเลยทีเดียว หรือถ้าเต้นคนเดียวรู้สึกไม่สนุก ก็สามารถชวนคนอื่นมาร่วมด้วย ก็สนุกไปอีกแบบนะ

แพลงกิ้ง

แพลงกิ้ง เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ใช้เวลาไม่นานแต่สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี แค่เพียงอยู่ในท่าเริ่มวิดพื้นค้างเอาไว้ เริ่มต้นที่วันละ 30 วินาที และเพิ่มทีละ 10 วินาทีไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้แขนที่รับน้ำหนักตัวของเรามีความแข็งแรงขึ้น และถ้าอยากเพิ่มความท้าทายอีกหน่อย ก็ลองหนุนขาด้วยลูกบอลให้ตัวยกสูงขึ้นดู แต่ก็อย่าฝืนจนเกินไปเพราะอาจทำให้แขนรับน้ำหนักมากเกินไปจนบาดเจ็บได้ค่ะ

กระโดดตบ

ตั้งแต่ยังเด็ก เราทุกคนก็ย่อมรู้จักท่ากายบริหารนี้จากการออกกำลังกายในตอนเช้า หรือไม่ก็ในวิชาพลศึกษา แต่อย่าเพิ่งคิดว่าท่ากระโดดตบไม่มีประโยชน์นะ เพราะการกระโดดตบก็ถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ได้ประสิทธิภาพสูงเช่นกัน อีกอย่างยังสามารถทำตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนดูทีวี หรือกำลังรอเครื่องซักผ้าทำงาน ก็ได้ทั้งนั้นเลย

วิดพื้น

เป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย รวมทั้งเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก หน้าท้อง แขนและต้นขาให้แข็งแรง เพียงนอนคว่ำลงกับพื้น แล้ววางฝ่ามือลงยันตัวขึ้น ให้ปลายเท้าจิกกับพื้น ค่อย ๆ ยกร่างกายส่วนบนขึ้น และลดตัวลงให้หน้าอกใกล้กับพื้นมากที่สุดโดยที่ร่างกายยังเป็นเส้นตรง ทำซ้ำจนครบเซตตามที่ต้องการเป็นประจำทุกวันรับรองเห็นผลดีโดยไม่ต้องไปออกกำลังกายนอกบ้านแน่นอน

เวทเทรนนิ่ง

วิธีสร้างกล้ามเนื้ออีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้านก็คือการเล่นเวทเทรนนิ่ง อุปกรณ์นั้นก็หาไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อดัมเบลมาเป็นชุดให้เสียตังค์ตั้งแต่แรก แค่หาขวดน้ำขนาดประมาณ 1.5 ลิตร ใส่น้ำให้เต็มแล้วยกขึ้น-ลงทุกวัน หากอยากให้หนักกว่านี้ก็เปลี่ยนขนาดขวด ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อแขนที่ใฝ่ฝันมาทักทายคุณอย่างแน่นอน และหลังจากนั้น หากอยากจะฝึกต่อเนื่องก็สามารถไปหาซื้อชุดดัมเบลมาออกกำลังกายเองที่บ้าน แต่ก็อย่าลืมยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังเล่น จะได้ไม่เกิดการบาดเจ็บ

การขึ้น-ลงบันได

ใครจะเชื่อล่ะว่าการขึ้น-ลงบันไดก็ถือเป็นการออกกำลังกายแล้ว แถมยังเป็นการออกกำลังกายคาร์ดิโอที่ดีเสียด้วย แต่ถ้าคิดว่าไม่มีโอกาสจะได้ขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ ที่บ้าน ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นการใช้บันไดแทนลิฟต์ในที่ทำงานก็ดีเหมือนกันค่ะ

ทำความสะอาดบ้าน

กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า หรือล้างห้องน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมงานบ้านที่เราทำกันอยู่เป็นประจำ อย่าเพิ่งนึกเกี่ยงไม่อยากทำเลย เพราะจริง ๆ แล้วการทำงานบ้านก็เป็นการออกกำลังกายได้เหมือนกัน นอกจากจะได้บ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบแล้ว ยังพ่วงมาด้วยร่างกายฟิต แอนด์ เฟิร์ม ที่คุณอาจไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ

ออกกำลังกายตามคลิปวิดีโอในยูทูบ

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายแทบจะทุกครัวเรือน การออกกำลังกายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อยากรู้วิธีการออกกำลังกายอะไรก็แค่เพียงเปิดดูจากในยูทูบ หรือจะออกกำลังกายตามกันไปเลยก็ได้ ไม่ต้องออกจากบ้านก็ออกกำลังกายได้ เห็นไหมล่ะ

ออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์

หากบ้านไหนพอจะมีทุนทรัพย์สำหรับการลงทุนเพื่อสุขภาพ การหาซื้อเครื่องออกกำลังกายหรืออุปกรณ์ในการออกกำลังกายบางอย่างมาไว้ที่บ้านก็เป็นความคิดที่ไม่เลว อาจจะต้องลงทุนมากสักหน่อยในครั้งแรก แต่ก็จะได้อุปกรณ์ที่เป็นของเราเองและอยู่กับเราไปนาน ๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีวินัยกับตัวเองด้วยนะไม่อย่างนั้นเครื่องออกกำลังกายที่ซื้อมาอาจจะกลายเป็นที่ตากผ้าไป

 

ฟ้าทะลายโจรราชายาขมต้านไวรัส COVID-19

ปัจจุบันสถานการณ์ของ Coronavirus (COVID-19) โรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถทำให้เกิดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอย่างรุนแรง  กระแสฟ้าทะลายโจรตอนนี้ก็กำลังมาแรงมากเช่นกัน ว่าฟ้าทะลายโจร สามารถใช้รักษา หรือเป็นยาต้าน​ COVID-19 ได้หรือไม่ วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

1. ป้องกันการติดเชื้อ

จากงานวิจัย T.Jayakumar, Hsieh, J. Lee และ Joen-Rong Sheu ในปี ค.ศ. 2013 แสดงให้เห็นว่าฟ้าทะลายโจรมีคุณสมบัติต้านอาการอักเสบ(Anti- imflammatory) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ต้านจุลินทรีย์ เชื้อแบคทีเรีย(Antimicrobial) และต้านมะเร็ง (Anticancer) นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดอาการไซนัสอักเสบ ลดอาการจากเชื้อไวรัส HIV และไขข้ออักเสบ นักวิจัยเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ในอนาคต

2. ระดับฮิสตามีน (Histamine Level)

Histamine คือ สารต้านการอักเสบภายในร่างกาย จากการวิจัย Xuquqang HA, Ya Wen และนักวิจัยคนอื่น ๆ ในปี ค.ศ. 2015 พบว่า ฟ้าทะลายโจร มีสารประกอบ 3 ชนิด คือ EAE, AEE และ NBE ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์และน้ำหนักของ PLNs นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับ Histamineให้สูงขึ้น

3. รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ

จากการวิจัยพบว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับการติดเชื้อทางเดินหายใจต่าง ๆ สามารถต้านมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคตับ และต้านอาการอักเสบ และบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย

4. ต่อต้านจุลินทรีย์

จากการศึกษาของ .M Rahman, S.H. Ahmad และนักวิจัยอื่น ๆ ในปี ค.ศ. 2014 แสดงให้เห็นว่า ฟ้าทะลายโจร สามารถต่อต้านจุลินทรีย์ โดยการลดค่า pH ของสารละลายกันเสียในจุลินทรีย์ โดยในงานวิจัยได้ทดลองนำสารสกัดจากใบของฟ้าทะลายโจร สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อแบคทีเรียได้ (4)

5. ต่อต้านอนุมูลอิสระ

การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยในป้องกัน รักษาและการดูแลปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ท้องเสียเฉียบพลัน การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และการรักษาบาดแผลจากการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

6. ต่อต้านเชื้อไวรัส Enterovirus D68 (EV-D68)

Enterovirus D68 (EV-D68) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจรุนแรง และโรคทางระบบประสาทเฉียบพลัน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน EV-D68 ในการวิจัยของ ในปี ค.ศ. 2018 พบว่า ฟ้าทะลายโจรมีสาร Andrographolide (AOD)ซึ่งออกฤทธิ์ในการต้านไวรัส EV-D68 โดยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายเข้าสู่เซลล์ในร่างกาย ซึ่งกลไกนี้จะมีผลต่อการผลิตยาต้านไวรัสในอนาคต

ที่มา : trueid.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

โควิด19 กับความเครียดภัยเงียบทำลายสุขภาพจิต

ระยะนี้พวกเราติดตามข่าว “โควิด-19” แบบหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง พวกเล่น LINE ต่างขยันส่งข่าวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวจินตนาการไปเอง เรียกว่านอนละเมอฝันร้ายกันทั้งคืน การพูดคุยก็วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ เดิมทีไม่มีใครคิดว่าโควิด-19 จะลุกลามเป็นไฟไหม้ฟางเลวร้ายไปทั่วโลก สร้างความเครียดให้กับทุกคน จากความเครียดที่ตอนแรกเป็นแบบ “กะทันหัน” มากลายเป็นเครียดแบบ “เรื้อรัง” บั่นทอนสุขภาพกายและใจ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ความเครียดเป็นเรื่องที่มีกันทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยเจอกับความเครียด อย่างไรก็ตาม หากสามารถควบคุมให้ความเครียดอยู่ในระดับพอดี ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลัง มีความกระตือรือร้นในการต่อสู้กับชีวิต และช่วยผลักดันให้เอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ดังนั้น ความเครียดจึงมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้ายผสมผสานกันไป นักจิตวิทยาอ้างว่า ชีวิตเราต้องเจอกับความเครียดบ้าง เพราะความเครียดช่วยกระตุ้นให้ลงมือทำงานได้สำเร็จ แต่หากเราควบคุมระดับความเครียดไม่ได้ ก็จะเกิดความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ วิตกกังวล คิดฟุ้งซ่าน และหงุดหงิด ไปจนถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะวิวาทหรือเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้คน เข้าขั้นเรื้อรังทำให้เกิดผลเสียและย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราได้

เมื่อพูดถึงวิธีขจัดความเครียด การบริหารจัดการของแต่ละคนจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน หลัก ๆ คือการควบคุมสติ พร้อม ๆ กับหาทางออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ การหันไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็จะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ อย่างในกรณีของผม ทุกเช้าจะมาวิ่งออกกำลังกายก่อน อ่านและเซ็นงานในแฟ้ม แล้วจึงลงมารับประทานอาหารเช้า กินกาแฟ พูดคุยเรื่องรอบตัวที่ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู้งานไปตลอดทั้งวัน

พระฝรั่งชื่อดัง 2 รูป พูดถึงเรื่องการจัดการความเครียดไว้อย่างน่าฟัง ท่านแรกคือ มาติเยอ ริการ์ (Matthieu Ricard) ชาวฝรั่งเศสที่เคยเป็นนักเขียนมาก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และเคยเป็นล่ามขององค์ดาไลลามะ อีกทั้งยังเป็นผู้ได้รับตำแหน่ง “มนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก” จากสื่อมวลชนหลายสาขาในปี 2547

ท่านพูดไว้ว่า “ความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ลองจิตนาการว่ากำลังมีวัวกระทิงวิ่งตามขวิดคุณ มันคือที่สุดแห่งความเครียด หรือเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกบีบบังคับ จนอยากหนีจากจุดจุดนั้น แต่ไม่สามารถทำได้ มันเป็นความเครียด ทั้งด้านกายและใจที่คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แต่เราควรจะสลัดทิ้งมันไป การที่คุณรู้สึกเครียดแบบเดียวกับที่มีวัวกระทิงวิ่งตามหลังคุณอยู่ มันจะทำให้สุขภาพย่ำแย่ มันจะทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป

เช่น ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้น เราจะไม่สามารถมีความสุขได้ หรือถ้าสิ่งนั้นยังเกิดขึ้นอยู่ เราจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น วิธีการจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ง่ายมาก ๆ แค่บอกกับมันว่า เราโอเค ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร วิถีชีวิตที่เครียดขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามองปัญหาต่าง ๆ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราจะสามารถเปลี่ยนหรือควบคุมมันได้

ท่านที่สอง คือ พระอาจารย์ชยสาโร ชาวอังกฤษ ผู้กล่าวว่า “ทางพุทธศาสนาจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ด้วยการกล่อมจิตใจหรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์ด้วยวิธีต่าง ๆ คนส่วนมากมักจะมีความเครียด แต่แทนที่จะหยุดทบทวนวิถีชีวิต และถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเครียดอย่างนี้เพราะอะไร เราต้องรู้จักปล่อยวาง ต้องยอมรับว่าเราดำเนินชีวิตผิดทางไปแล้ว ศาสนาสอนให้เรามีสติ ทำจิตให้ว่าง อย่าปล่อยให้มีความเครียด อย่าให้มีความทุกข์

แต่ว่าเรายังไม่ค่อยได้ทำเป็นกิจจะลักษณะ บางทีก็ทำพอเป็นพิธี บางคนอาการหนักมาก ๆ เมื่อกลับมาทำงานก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำ เพราะฉะนั้น การภาวนา การเจริญสติ การทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นทางออกให้กับชีวิตที่มีความสุขและความพอดี”

การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้พวกเราเกิดความเครียด วิตกกังวล หมกมุ่น และออกอาการสับสนอลหม่าน แต่หากเราได้ตั้งสติ ตื่นตัว รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใคร่ครวญ ด้วยเหตุและผลรู้จักแยกแยะ และคัดกรอง มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ก็จะไม่ทำให้อาการเครียดลุกลามถึงภาวะขาดสติ จนถึงกับเป็นภัยต่อชีวิตยิ่งกว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง ๆ

ที่มา : prachachat.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินซี ตัวช่วยป้องกันไวรัส

วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่หลายคนรู้จักดี โดยจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน บำรุงผิว ชะลอการเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย อีกทั้งยังอาจช่วยบรรเทาอาการจากการติดเชื้อไวรัสได้ด้วย

เมื่อเอ่ยถึงวิตามินซี อีกสรรพคุณที่โดดเด่นของวิตามินชนิดนี้ คือ การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยระบบภูมิคุ้มกันของคนเรานั้นมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้น การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอต่อวันก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

ท่ามกลางโรคภัยชนิดใหม่เกิดขึ้นมากมายในทุกวันนี้ หากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงก็ย่อมดีกว่า เพราะอาจช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ วิตามินซียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นอีกมากมาย โดยในบทความนี้ได้รวบรวมสรรพคุณเหล่านั้นมาให้ได้ศึกษากัน

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

เม็ดเลือดขาวเป็นหนึ่งในสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ (Antibody) ของร่างกาย โดยเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ในการต่อต้านและกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อแปลกปลอมสำเร็จ เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันก็จะจดจำวิธีการในการตอบสนองต่อเชื้อโรคชนิดนั้น จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ซึ่งอาจลดความรุนแรง ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือการป่วยจากเชื้อชนิดเดิมซ้ำได้ หากได้รับวิตามินซีก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้

การดูดซึมวิตามินซี
สารอนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดขึ้นจากกลไกตามธรรมชาติของร่างกายร่วมกับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก หากสารอนุมูลอิสระมีอยู่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของร่างกาย (Oxidative Stress) โดยอาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์และยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามร่างกาย จึงอาจไปเพิ่มความเสี่ยงของโรคและปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงหรือโรคเรื้อรังไปจนถึงโรคร้ายแรงหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง วิตามินซีเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต่อต้านและลดระดับของสารอนุมูลอิสระได้ เมื่อสารอนุมูลอิสระในร่างกายลดลงและกลับมาอยู่ในระดับปกติ ร่างกายก็มีความสมดุลมากขึ้น จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่มีสาเหตุมาจากการอักเสบและความเสียหายเรื้อรังของเซลล์ภายในร่างกาย

ปริมาณการกินวิตามินซีที่เหมาะสม
วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีผลเสียต่อร่างกายน้อย สามารถทานได้ทุกวัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันจะแตกต่างกันไป ตามเพศ ความต้องการของแต่ละช่วงวัย ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และให้นมลูก ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความต้องการวิตามินซีสูงขี้น การกินวิตามินซีไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะ การทานวิตามินซีในปริมาณสูงๆ มากเกินไป ติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ปัสสาวะบ่อย ไม่สบายท้อง ปวดมวน ท้องเสีย

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน 
– ผู้หญิงที่สุขภาพดีอยู่แล้ว 75 มิลลิกรัม
– คุณแม่ให้นมบุตร 120 มิลลิกรัม
– ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม
– ผู้มีประวัติโรคตับหรือไต โรคเกาต์ โรคนิ่ว ไม่ควรใช้เกิน 1,000 มิลลิกรัม

กินวิตามินซีตอนไหนดี
ความจริงแล้วการกินวิตามินซี จะทานช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทานพร้อม หรือหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในปัจจุบัน
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น นอกจากการกินอาหารประเภทผักและผลไม้เป็นประจำแล้ว การกินวิตามินซีในรูปแบบของอาหารเสริม ทั้งแบบแคปซูล แบบเม็ดสำหรับกิน เคี้ยว แบบเม็ดฟู่ผสมน้ำ และเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงวัย กะปริมาณการทานให้เหมาะสม โดยดูถึงส่วนผสมอื่นๆ ที่มากับผลิตภัณฑ์ด้วย

ที่มา : lovefitt.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


icon-f gray-line_logo-1 icon-you

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า