Specialty6hr แอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อ ปกป้องนาน 6 ชั่วโมง

สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น ออกผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เจลล้างมือสูตรกันน้ำ
ด้วยนวัตกรรม บีแทรป (B TRAP®) ฆ่าเชื้อ ปกป้องนาน 6 ชั่วโมง

บริษัทสเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (Specialty Innovation – SI) ผู้รับจ้างที่คิดค้นวิจัยพัฒนาออกแบบ และผลิตสินค้านวัตกรรมให้กับลูกค้า (Original InnovationManufacturer – O.I.M.) แห่งแรกในประเทศไทย ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพสุขอนามัย และความงาม ทั้งในรูปแบบยาแผนโบราณ อาหารเสริมสุขภาพ และเวชสำอาง พร้อมเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันทันต่อสถานการณ์ความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุดด้วยความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) จึงได้เร่งวิจัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อดูแลสุขอนามัยSpecialty Hand Sanitizing Gel แอลกอฮอล์เจลล้างมือ ชูจุดเด่น ปกป้อง 6 ชั่วโมง ปลอดภัยอ่อนโยน ถนอมมือ

ผลิตภัณฑ์ Specialty Hand SanitizingGel ที่คิดค้นและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้มาพร้อมเทคโนโลยีนวัตกรรม บีแทรป (B trap®) ลิขสิทธิ์ของบริษัทฯเป็นสารฆ่าเชื้อที่เคลือบบนผิวได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างจากแอลกอฮอล์เจลทั่วไปคือ สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง ที่สำคัญเป็นสูตรกันน้ำ ติดผิวนานแม้มีเหงื่อ หรือเปียกน้ำ ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดทั่วไปนอกเหนือจากนั้นยังผลิตจากแอลกอฮอล์ที่ได้จากธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีซีโร่เวสท์ (zero waste) อ่อนโยนไม่ทำให้ผิวแห้ง มีกลิ่นหอมจากสารสกัดธรรมชาติ ช่วยผ่อนคลาย

พบ Specialty Hand SanitizingGel ได้แล้ววันนี้ที่ เอ็กซ์ต้า พลัส (Exta plus) ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น!

ช่องทางการติดต่อ

Website: www.specialty6hr.com

Face book : www.facebook.com/Specialty6hr/

IG: Specialty6hr

เกี่ยวกับ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่นจำกัด

ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลพร้อมทุ่มเทพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อเป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิตจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพทั้งนี้ส่งผลให้เราเป็นผู้นำด้านการใช้สมุนไพรไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืนด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 300 ล้านบาท บนเนื่อที่กว่า 15 ไร่ อีกทั้งยังใส่ใจดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและได้รับการรับรองว่าเป็น GREEN HEALTH & BEAUTYFACTORY จนได้รับรางวัล LEED GOLD แห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่ปลูกสมุนไพร มากกว่า 1 ใน 3 ส่วนเพื่อเป็นแหล่งโอโซนรวมถึงการอนุรักษ์สมุนไพรหายาก ทั้งนี้กระบวนการผลิตยังออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานมากกว่า30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้แสงสว่างจากหลอด LED ระบบถ่ายเทความร้อนจากช่องลมและระบบอื่นๆนอกจากนี้ยังมีเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยซึ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐาสากลมากมาย อาทิ GMP ISO:9001, HACCP, HALAL เป็นต้น

 

4 สัญญาณอันตรายเมื่อต้องติดซีรีย์ในช่วง Quarantine

ในช่วง Work From Home หรือช่วงที่หยุดงานชั่วคราวแบบนี้ อาจทำให้ใครหลายคนดูซีรีส์ได้ยาวกว่าเดิม แต่อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้มากกว่าตอนที่ออกไปทำงานข้างนอกตามปกติเสียอีก วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 4 สัญญาณอันตรายที่อาจแฝงมาในช่วงติดซีรีย์มาฝากกันค่ะ

นอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่การที่เราอดนอนเพื่อดูซีรีส์ข้ามวันข้ามคืน เมื่อเราจะกลับมานอนในเวลาเดิม จะรู้สึกว่านอนหลับได้ยากขึ้น และยังรู้สึกเพลียมากหลังตื่นนอน (นอนหลับก็ยาก ตื่นนอนก็ยาก) หากปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตผิดเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองในเรื่องของความจำได้อีกด้วย

กระดูกสันหลังผิดปกติ
การนั่งดูซีรีส์อยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานอยู่บนโซฟา หรือเก้าอี้ยาวใดๆ อาจไม่ใช่ท่านั่งที่ดีนักเมื่อต้องนั่งไปนานๆ อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังได้ หากยังมีพฤติกรรมเดิมอยู่บ่อยๆ โดยไม่เปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้อง อาจเสี่ยงกระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้นได้

โรคอ้วนถามหา
เมื่อเราสิงร่างรวมตัวเข้ากับโซฟา หรือเตียงไปแล้ว (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า couch potato ที่แปลว่าคนที่วันๆ นั่งอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน) ก็มีความเสี่ยงมากที่เราจะเสี่ยงโรคอ้วน น้ำหนักขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดได้

Computer Vision Syndrome
คนส่วนใหญ่รับชมซีรีส์ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ การจ้องหน้าจอนานๆ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงกับอาการ Computer Vision Syndrome ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป และอยู่ในที่มีความสว่างไม่เพียงพอ หรือเกิดจากความสว่างของหน้าจอที่ปรับไว้ไม่เหมาะสมในขณะใช้งาน ทำให้เกิดอาการอาการตาพร่ามัว ล้าตา ตาแห้ง เคืองตา เจ็บตา ปวดรอบดวงตา เห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และหลังร่วมด้วย เนื่องจากอยู่ในท่านั่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากค่าสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาทิ สายตายาว สายตาเอียง

ที่มา : www.sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


แพร่เชื้อ Covid-19 ไม่รู้ตัว แค่ออกกำลังกายนอกบ้าน

ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ออกมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายนอกบ้าน อาจเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไกลกว่าที่คิด เพราะล่าสุดงานวิจัยจากเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ออกมาจากผู้ป่วยโควิด-19 ขณะกำลังเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจสามารถแพร่เชื้อไปได้ไกลกว่าการอยู่เฉยๆ กับที่แล้วไอ หรือจาม ที่จะมีรัศมีในการแพร่เชื้ออยู่ที่ 1-2 เมตร แต่การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียว

งานวิจัยล่าสุดจาก KU Leuven (เบลเยี่ยม) และ TU Eindhoven (เนเธอร์แลนด์) ระบุว่า จากที่เราให้การระมัดระวังในเรื่องของ Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร เพื่อป้องกันการสูดเอาละอองฝอยน้ำลายจากการไอจามของผู้ป่วยโควิด-19 นั้น หากตัวผู้ป่วยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนที่อยู่ด้านหลังอาจได้รับละอองฝอยน้ำลายของผู้ป่วยที่อยู่ด้านหน้าได้ไกลกว่า 1-2 เมตร

1.การเดินอยู่ด้านหน้า สามารถแพร่เชื้อที่อยู่ในละอองฝอยน้ำลายไปทางด้านหลังได้ไกลเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เมตร

2. การวิ่ง หรือปั่นจักรยานช้าๆ จะไปได้ไกลถึง 10 เมตร

3. การปั่นจักรยานเร็วๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตร
ดังนั้นในหลายพื้นที่จึงออกมาตรการห้ามใช้บริการในสถานที่สาธารณะ รวมถึงบ้านเราที่ปิดสวนสาธารณะในบางช่วงเวลาในช่วงนี้ด้วย เพื่อลดการออกกำลังกายในสถานที่สาธารณะที่อาจเป็นการแพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่นได้

แนะนำว่า ช่วงนี้ควรออกกำลังกายในพื้นที่ส่วนตัว ในบ้าน ในห้อง หรือรอบๆ บ้านที่มีรั้วกั้นระหว่างบ้านเราและบ้านคนอื่นอย่างชัดเจนจะดีที่สุด

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : gladiator-lab.ru,เฟซบุ๊คเพจ หมอเวร

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 วิธี แก้ปัญหามือแห้ง จากการล้างมือ

ทุกวันนี้การล้างมือ ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลแอลกอฮอล์นั้น แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราต้องทำ เพื่อให้ห่างไกลจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus) หรือโควิด-19 (COVID-19)  แต่การที่เราต้องล้างมืออยู่บ่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวและมือของเราแห้งกร้าน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 วิธี เพิ่มความชุ่มชื้นลดอาการแสบคันเมื่อต้องใช้แอลกอฮอล์บ่อยๆ มีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1. เลือกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีตัวมอบความชุ่มชื้น
ผมเข้าใจว่าทุกวันนี้แค่หาเจลแอลกอฮอล์สักหลอดมาใช้ล้างมือก็ยากแล้ว แต่ถ้าคุณยังโชคดีที่เดินซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตแล้วเจอเจลแอลกอฮอล์หลายแบบ สิ่งที่คุณควรทำหลังจากเช็กส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70-75% บนฉลากแล้ว คุณควรดูด้วยว่ามีตัวช่วยเรื่องความชุ่มชื้นไหม อย่างเช่นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ หรือแตงกวา เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการทำให้ผิวแห้งเป็นขุย

2. ใช้แฮนด์ครีม
เมื่อมือแห้งมาก ตัวช่วยเร่งด่วนที่สามารถทำได้เลยหลังจากใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ คือการใช้แฮนด์ครีม ซึ่งในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งกลิ่น ขนาด และสูตรที่ช่วยบำรุงมือ นอกจากนี้คุณควรทาก่อนนอนอีกด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างที่คุณนอนหลับ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่อยากใช้แฮนด์ครีมบ่อยในช่วงกลางวัน

3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเป่ามือด้วยลมร้อน
นอกจากความร้อนของเครื่องเป่ามือด้วยลมร้อนแบบอัตโนมัติจะทำให้มือแห้งจากการระเหยความชุ่มชื้นบนมือแล้ว ยังมีผลวิจัยจาก University of Connecticut ว่า เจ้าเครื่องนี้คือตัวแพร่กระจายเชื้อโรค หากไม่ได้ใช้แผ่นกรองที่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้เปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา เพราะมันจะดูดลมที่ปะปนไปด้วยเชื้อโรคที่มองไม่เห็นในห้องน้ำเข้าไป แล้วพ่นออกมา ทางที่ดีคุณควรใช้ทิชชูทำความสะอาดมือด้วยการเช็ดเบาๆ

4. น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกช่วยได้
สูตรการทำให้มือกลับมาชุ่มชื้นด้วยสิ่งของที่อยู่รอบตัวเรานั้นมีมากมาย แต่การใช้น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกคือวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงคุณเทน้ำอุ่นใส่ลงในภาชนะสำหรับแช่มือ แล้วหยดน้ำมันมะกอกลงไป 3 ช้อนชา หลังจากนั้นจึงแช่มือลงไป ค่อยๆ นวดมือเบาๆ ทำสลับกับพักเป็นเวลา 10 นาที น้ำมันมะกอกจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งคุณสามารถทำวิธีนี้ระหว่างดูข่าวทางโทรทัศน์ก็ได้เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

5. อย่าลืมดื่มน้ำ
คุณควรดื่มน้ำสะอาดโดยเฉลี่ยวันละ 10 แก้วทุกวัน เพื่อช่วยบำรุงผิวจากภายใน และรักษาอาการผิวขาดน้ำ แต่วิธีนี้จะไม่สามารถช่วยได้ในทันทีทันใด เนื่องจากเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำจะไม่ได้ไหลเข้าสู่เซลล์ผิวเราโดยตรง แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้วค่อยส่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นจึงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว

ที่มา : gqthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิธีรับมือปัญหากินจุกจิกจากความเครียด

ความเครียดนั้นเป็นปัญหาที่มักพบได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนว่าจะติดหรือไม่ติดโควิด-19 รวมทั้งการถูกจำกัดพื้นที่ให้ทำงานจากที่บ้านด้วยนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น บางคนตอบรับความเครียดด้วยการกิน กิน แล้วก็กิน วันนี้ SI มีบทความดีๆ จากนักโภชนาการที่แนะวิธีรับมือ ปัญหา “กินจุกจิก” จาก “ความเครียด” จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1.เราควรพยายามรู้ตัวและควบคุมสาเหตุที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นการติดตามข่าว หรือการอ่านเรื่องราวที่มีการแชร์ออนไลน์มากเกินไป แต่หากเราไม่สามารถเลี่ยงตัวกระตุ้นความเครียดที่ว่านี้ได้แล้ว คุณคาโรลีน โอนีล นักโภชนาการผู้หนึ่ง แนะว่าเราควรทำบันทึกรายการอาหารที่หยิบเข้าปากในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้เห็นภาพว่าเรากินอะไร ที่ไหน และเป็นจำนวนเท่าใด

2. ถ้าเราอดกินจุกจิกหรือละเว้นของขบเคี้ยวไม่ได้ นักโภชนาการแนะให้เตรียมของกินเล่นในปริมาณที่เหมาะสมไปล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอตัวกินเพลินจนหมดทั้งถุงใหญ่นั่นเอง

3. จัดบริเวณครัวและตู้เย็นเสียใหม่ โดยเอาของกินที่ล่อตาล่อใจไปให้พ้นสายตา และเอาของดีที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ วางไว้ในบริเวณที่เห็นหรือหยิบฉวยได้ง่ายในตู้เย็น ซึ่งจะเป็นประโยชน์เวลาที่เกิดแรงกระตุ้นให้ต้องหาอะไรกินลดความเครียด

4. ควรหาเวลาหยุดพักเพื่อจิบชาสมุนไพร หรือกาแฟใส่โกโก้บ้าง เพื่อช่วยบริหารจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ให้สะสมความเครียดมากจนเบรคไม่อยู่
แต่สุดท้ายหากทนไม่ไหวจริงๆ และต้องลดความเครียดด้วยการสนองความต้องการของปากกับลิ้นแล้ว นักโภชนาการแนะให้พยายามเลือกของว่างลดความเครียดที่มีประโยชน์ เช่น ช็อกโกแลตดำที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นต้น

โดยข้อคิดและเคล็ดลับสำหรับการรับมือกับความเครียดแบบไม่ตามใจปาก ซึ่งทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ทำงานจากบ้านอาจนำไปใช้ได้ ก็คือ นอกจากการสร้างระยะห่างทางสังคม ถ้าจะให้ดีแล้วควรต้องสร้างระยะห่างที่พอดีจากครัวและตู้เย็นด้วยเช่นกัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พัก “สายตา” ก่อน WFH ในยุค Covid-19

ช่วงนี้หลายๆ องค์กรออกมาประกาศนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือ Work From Home ทุกคนทราบกันมั๊ยคะว่า จริงๆ แล้วอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ เพราะการทำงานที่บ้านในช่วงกักตัว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 นั้น  กิจวัตรประจำวันของแต่ละคนเชื่อได้เลยว่าต้องอยู่หน้าจอเกือบทั้งนั้น อาจจะมากกว่าการทำงานปกติด้วยซ้ำ โดยเฉพาะยิ่งเรารักษาระยะห่างทางสังคม เรายิ่งต้องติดต่อกันผ่านโปรแกรมแชทนั้นเอง

หากพูดถึงอันตรายจากแสงสีฟ้า ก็เป็นที่ทราบกันดีเลยล่ะค่ะ เมื่อเราจอจอนานๆ อาจจะก่อให้เกิดภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) ซึ่งจะมีอาการ ปวดตา,ตาแห้ง,ตาพร่า,น้ำตาไหล หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเกิด โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration : AMD) มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ถ้าเผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ในดวงตาตาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย

9 วิธีป้องกันแสงสีฟ้าง่าย ๆ ที่เรานำมาฝาก สามารถทำตามกันได้เลย

1. ปรับแสงสว่างและความคมชัดของหน้าจอให้รู้สึกสบายตา สังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่เราไม่ต้องหรี่ตาเวลามองหน้าจอ

​2. สวมแว่นกรองแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อถนอมสายตาไม่ให้ปะทะกับแสงสีฟ้าบนหน้าจอโดยตรง วิธีนี้จะช่วยปกป้องดวงตาเราจากแสงสีฟ้าได้ดีเลยทีเดียว

3. ติดแผ่นกรองรังสีไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตสามารถติดฟิล์มกรองแสงด้วยเช่นกัน

4. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา ช่วยลดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้

5. ควรกะพริบตาให้ได้ 1-2 ครั้งต่อ 10 วินาที เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ วิธีนี้จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้

6. ใช้สูตร 20-20-20 คือ ทุก ๆ 20 นาที ควรละสายตาจากหน้าจอไปมองบริเวณอื่น ๆ โดยให้มองห่างจากบริเวณที่นั่งอยู่ประมาณ 20 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อรีเฟรชสายตาให้ได้ปรับตัวใหม่

7. ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่พออ่านสบายตา

8. ทำความสะอาดหน้าจอ การทำความสะอาดหน้าจอได้หมดจด จะทำให้เราเห็นหรืออ่านได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับดวงตาเรา

​9. จำกัดเวลาอยู่หน้าจอ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง และพักเบรก 10 นาที

ที่มา : eyeguardgroup.com, hellomagazine.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


15 วิธีออกกำลังกายที่บ้าน แข็งแรงปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงโควิด

ในช่วงโควิด-19 ฟีเวอร์นี้ เป็นช่วงนี้เกือบทุกคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมสุดเจ๋งเพื่อสุขภาพ อย่าเพิ่งคิดว่าจะต้องไปออกกำลังนอกบ้านถึงจะได้ผลดี เพราะอยู่ที่บ้านก็ฟิต แอนด์ เฟิร์มได้เหมือนกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของการออกกำลังกายมาฝากกันค่ะ

กระโดดเชือก

เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายสุดเบสิกอย่างการกระโดดเชือก สำหรับหลายคนก็คงจะเคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงจะดูง่าย ๆ แต่ได้ผลดีไม่แพ้กับการออกกำลังกายชนิดอื่น ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้เหงื่อออกได้แล้วก็ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย และยังได้ความสนุกสนานอีกด้วย ซึ่งถ้าอยากให้การกระโดดเชือกไม่น่าเบื่อก็ลองชวนคนในบ้านมากระโดดเชือกไปด้วยกัน ก็ดีไปอีกแบบนะ

พิลาทิส

พิลาทิส เป็นการออกกำลังกายที่เน้นสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อในร่างกายแบบที่ไม่ต้องออกแรงมาก และท่าออกกำลังกายก็ไม่ยากอย่างที่คิดเพียงแต่ในช่วงเริ่มแรกควรจะไปศึกษาท่าทางที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีกว่า เพื่อการออกกำลังกายแบบพิลาทิสจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยืดกล้ามเนื้อ

เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ทั้งสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานหนักอีกด้วย ลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการใช้งานที่หนักเกินไปได้ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ แค่รู้วิธีการยืดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องก็ทำได้แล้วล่ะ

จ๊อกกิ้งอยู่กับที่

หากไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายนอกบ้าน แต่ก็อยากจะจ๊อกกิ้งละก็ ลองใช้วิธีวิ่งอยู่กับที่สิ การออกกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่กับที่นอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้ตื่นตัวกระฉับกระเฉงแล้ว ก็ยังถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ได้ผลดีทั้งต่อหัวใจอีกด้วยล่ะ และถ้าอยากเพิ่มความท้าทายให้ตัวเองก็เพียงยกเข่าให้สูงขึ้นก็จะทำให้ร่างกายได้ออกกำลังกายมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

โยคะ

โยคะถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้ผลดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ด้วย แค่มีเพียงเสื่อโยคะก็เพียงพอ ส่วนท่าฝึกโยคะก็มีทั้งแบบท่าง่าย ๆ ไปจนถึงท่าที่ต้องใช้ความชำนาญ โดยอาจจะเริ่มต้นฝึกด้วยตนเองหรือเข้าคลาสโยคะเพื่อการฝึกที่ถูกต้องก็ได้ค่ะ บอกเลยว่าถ้าทำเป็นประจำสุขภาพจะดีอย่างแน่นอน

หกสูง

อาจจะเป็นท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูงเสียหน่อย แต่ก็ให้ผลดีเป็นเลิศ โดยท่านี้สามารถเผาผลาญแคลอรีได้อย่างน้อย 50-80 แคลอรีต่อครั้งเลยล่ะ และยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้สามารถไหลเวียนได้ทั่วร่างกายมากขึ้น ซึ่งถ้าอยากจะเริ่มทำท่านี้ ก็เริ่มจากการนั่งหันหน้าเข้ากำแพง และเริ่มถีบขาขึ้นไปบนอากาศ ใช้แขนเท้าพื้นไว้ทั้งสองข้างจนกว่าจะทรงตัวได้ แต่ต้องขอบอกว่าอย่าทำท่านี้นานเกินไปเพราะอาจจะทำให้เลือดคั่งได้นะคะ

เต้นรำ

จะมีอะไรที่สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดและช่วยออกกำลังกายได้ดีไปกว่าการเต้นรำอีกล่ะ แค่เปิดเพลงและขยับร่างกายไปตามจังหวะ ก็สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากเลยทีเดียว หรือถ้าเต้นคนเดียวรู้สึกไม่สนุก ก็สามารถชวนคนอื่นมาร่วมด้วย ก็สนุกไปอีกแบบนะ

แพลงกิ้ง

แพลงกิ้ง เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ใช้เวลาไม่นานแต่สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี แค่เพียงอยู่ในท่าเริ่มวิดพื้นค้างเอาไว้ เริ่มต้นที่วันละ 30 วินาที และเพิ่มทีละ 10 วินาทีไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้แขนที่รับน้ำหนักตัวของเรามีความแข็งแรงขึ้น และถ้าอยากเพิ่มความท้าทายอีกหน่อย ก็ลองหนุนขาด้วยลูกบอลให้ตัวยกสูงขึ้นดู แต่ก็อย่าฝืนจนเกินไปเพราะอาจทำให้แขนรับน้ำหนักมากเกินไปจนบาดเจ็บได้ค่ะ

กระโดดตบ

ตั้งแต่ยังเด็ก เราทุกคนก็ย่อมรู้จักท่ากายบริหารนี้จากการออกกำลังกายในตอนเช้า หรือไม่ก็ในวิชาพลศึกษา แต่อย่าเพิ่งคิดว่าท่ากระโดดตบไม่มีประโยชน์นะ เพราะการกระโดดตบก็ถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ได้ประสิทธิภาพสูงเช่นกัน อีกอย่างยังสามารถทำตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนดูทีวี หรือกำลังรอเครื่องซักผ้าทำงาน ก็ได้ทั้งนั้นเลย

วิดพื้น

เป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย รวมทั้งเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก หน้าท้อง แขนและต้นขาให้แข็งแรง เพียงนอนคว่ำลงกับพื้น แล้ววางฝ่ามือลงยันตัวขึ้น ให้ปลายเท้าจิกกับพื้น ค่อย ๆ ยกร่างกายส่วนบนขึ้น และลดตัวลงให้หน้าอกใกล้กับพื้นมากที่สุดโดยที่ร่างกายยังเป็นเส้นตรง ทำซ้ำจนครบเซตตามที่ต้องการเป็นประจำทุกวันรับรองเห็นผลดีโดยไม่ต้องไปออกกำลังกายนอกบ้านแน่นอน

เวทเทรนนิ่ง

วิธีสร้างกล้ามเนื้ออีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้านก็คือการเล่นเวทเทรนนิ่ง อุปกรณ์นั้นก็หาไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อดัมเบลมาเป็นชุดให้เสียตังค์ตั้งแต่แรก แค่หาขวดน้ำขนาดประมาณ 1.5 ลิตร ใส่น้ำให้เต็มแล้วยกขึ้น-ลงทุกวัน หากอยากให้หนักกว่านี้ก็เปลี่ยนขนาดขวด ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อแขนที่ใฝ่ฝันมาทักทายคุณอย่างแน่นอน และหลังจากนั้น หากอยากจะฝึกต่อเนื่องก็สามารถไปหาซื้อชุดดัมเบลมาออกกำลังกายเองที่บ้าน แต่ก็อย่าลืมยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังเล่น จะได้ไม่เกิดการบาดเจ็บ

การขึ้น-ลงบันได

ใครจะเชื่อล่ะว่าการขึ้น-ลงบันไดก็ถือเป็นการออกกำลังกายแล้ว แถมยังเป็นการออกกำลังกายคาร์ดิโอที่ดีเสียด้วย แต่ถ้าคิดว่าไม่มีโอกาสจะได้ขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ ที่บ้าน ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นการใช้บันไดแทนลิฟต์ในที่ทำงานก็ดีเหมือนกันค่ะ

ทำความสะอาดบ้าน

กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า หรือล้างห้องน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมงานบ้านที่เราทำกันอยู่เป็นประจำ อย่าเพิ่งนึกเกี่ยงไม่อยากทำเลย เพราะจริง ๆ แล้วการทำงานบ้านก็เป็นการออกกำลังกายได้เหมือนกัน นอกจากจะได้บ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบแล้ว ยังพ่วงมาด้วยร่างกายฟิต แอนด์ เฟิร์ม ที่คุณอาจไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ

ออกกำลังกายตามคลิปวิดีโอในยูทูบ

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายแทบจะทุกครัวเรือน การออกกำลังกายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อยากรู้วิธีการออกกำลังกายอะไรก็แค่เพียงเปิดดูจากในยูทูบ หรือจะออกกำลังกายตามกันไปเลยก็ได้ ไม่ต้องออกจากบ้านก็ออกกำลังกายได้ เห็นไหมล่ะ

ออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์

หากบ้านไหนพอจะมีทุนทรัพย์สำหรับการลงทุนเพื่อสุขภาพ การหาซื้อเครื่องออกกำลังกายหรืออุปกรณ์ในการออกกำลังกายบางอย่างมาไว้ที่บ้านก็เป็นความคิดที่ไม่เลว อาจจะต้องลงทุนมากสักหน่อยในครั้งแรก แต่ก็จะได้อุปกรณ์ที่เป็นของเราเองและอยู่กับเราไปนาน ๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีวินัยกับตัวเองด้วยนะไม่อย่างนั้นเครื่องออกกำลังกายที่ซื้อมาอาจจะกลายเป็นที่ตากผ้าไป

 

โควิด19 กับความเครียดภัยเงียบทำลายสุขภาพจิต

ระยะนี้พวกเราติดตามข่าว “โควิด-19” แบบหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง พวกเล่น LINE ต่างขยันส่งข่าวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวจินตนาการไปเอง เรียกว่านอนละเมอฝันร้ายกันทั้งคืน การพูดคุยก็วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ เดิมทีไม่มีใครคิดว่าโควิด-19 จะลุกลามเป็นไฟไหม้ฟางเลวร้ายไปทั่วโลก สร้างความเครียดให้กับทุกคน จากความเครียดที่ตอนแรกเป็นแบบ “กะทันหัน” มากลายเป็นเครียดแบบ “เรื้อรัง” บั่นทอนสุขภาพกายและใจ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ความเครียดเป็นเรื่องที่มีกันทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยเจอกับความเครียด อย่างไรก็ตาม หากสามารถควบคุมให้ความเครียดอยู่ในระดับพอดี ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลัง มีความกระตือรือร้นในการต่อสู้กับชีวิต และช่วยผลักดันให้เอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ดังนั้น ความเครียดจึงมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้ายผสมผสานกันไป นักจิตวิทยาอ้างว่า ชีวิตเราต้องเจอกับความเครียดบ้าง เพราะความเครียดช่วยกระตุ้นให้ลงมือทำงานได้สำเร็จ แต่หากเราควบคุมระดับความเครียดไม่ได้ ก็จะเกิดความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ วิตกกังวล คิดฟุ้งซ่าน และหงุดหงิด ไปจนถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะวิวาทหรือเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้คน เข้าขั้นเรื้อรังทำให้เกิดผลเสียและย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราได้

เมื่อพูดถึงวิธีขจัดความเครียด การบริหารจัดการของแต่ละคนจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน หลัก ๆ คือการควบคุมสติ พร้อม ๆ กับหาทางออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ การหันไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็จะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ อย่างในกรณีของผม ทุกเช้าจะมาวิ่งออกกำลังกายก่อน อ่านและเซ็นงานในแฟ้ม แล้วจึงลงมารับประทานอาหารเช้า กินกาแฟ พูดคุยเรื่องรอบตัวที่ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู้งานไปตลอดทั้งวัน

พระฝรั่งชื่อดัง 2 รูป พูดถึงเรื่องการจัดการความเครียดไว้อย่างน่าฟัง ท่านแรกคือ มาติเยอ ริการ์ (Matthieu Ricard) ชาวฝรั่งเศสที่เคยเป็นนักเขียนมาก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และเคยเป็นล่ามขององค์ดาไลลามะ อีกทั้งยังเป็นผู้ได้รับตำแหน่ง “มนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก” จากสื่อมวลชนหลายสาขาในปี 2547

ท่านพูดไว้ว่า “ความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ลองจิตนาการว่ากำลังมีวัวกระทิงวิ่งตามขวิดคุณ มันคือที่สุดแห่งความเครียด หรือเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกบีบบังคับ จนอยากหนีจากจุดจุดนั้น แต่ไม่สามารถทำได้ มันเป็นความเครียด ทั้งด้านกายและใจที่คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แต่เราควรจะสลัดทิ้งมันไป การที่คุณรู้สึกเครียดแบบเดียวกับที่มีวัวกระทิงวิ่งตามหลังคุณอยู่ มันจะทำให้สุขภาพย่ำแย่ มันจะทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป

เช่น ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้น เราจะไม่สามารถมีความสุขได้ หรือถ้าสิ่งนั้นยังเกิดขึ้นอยู่ เราจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น วิธีการจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ง่ายมาก ๆ แค่บอกกับมันว่า เราโอเค ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร วิถีชีวิตที่เครียดขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามองปัญหาต่าง ๆ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราจะสามารถเปลี่ยนหรือควบคุมมันได้

ท่านที่สอง คือ พระอาจารย์ชยสาโร ชาวอังกฤษ ผู้กล่าวว่า “ทางพุทธศาสนาจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ด้วยการกล่อมจิตใจหรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์ด้วยวิธีต่าง ๆ คนส่วนมากมักจะมีความเครียด แต่แทนที่จะหยุดทบทวนวิถีชีวิต และถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเครียดอย่างนี้เพราะอะไร เราต้องรู้จักปล่อยวาง ต้องยอมรับว่าเราดำเนินชีวิตผิดทางไปแล้ว ศาสนาสอนให้เรามีสติ ทำจิตให้ว่าง อย่าปล่อยให้มีความเครียด อย่าให้มีความทุกข์

แต่ว่าเรายังไม่ค่อยได้ทำเป็นกิจจะลักษณะ บางทีก็ทำพอเป็นพิธี บางคนอาการหนักมาก ๆ เมื่อกลับมาทำงานก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำ เพราะฉะนั้น การภาวนา การเจริญสติ การทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นทางออกให้กับชีวิตที่มีความสุขและความพอดี”

การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้พวกเราเกิดความเครียด วิตกกังวล หมกมุ่น และออกอาการสับสนอลหม่าน แต่หากเราได้ตั้งสติ ตื่นตัว รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใคร่ครวญ ด้วยเหตุและผลรู้จักแยกแยะ และคัดกรอง มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ก็จะไม่ทำให้อาการเครียดลุกลามถึงภาวะขาดสติ จนถึงกับเป็นภัยต่อชีวิตยิ่งกว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง ๆ

ที่มา : prachachat.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินซี ตัวช่วยป้องกันไวรัส

วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่หลายคนรู้จักดี โดยจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน บำรุงผิว ชะลอการเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย อีกทั้งยังอาจช่วยบรรเทาอาการจากการติดเชื้อไวรัสได้ด้วย

เมื่อเอ่ยถึงวิตามินซี อีกสรรพคุณที่โดดเด่นของวิตามินชนิดนี้ คือ การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยระบบภูมิคุ้มกันของคนเรานั้นมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้น การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอต่อวันก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

ท่ามกลางโรคภัยชนิดใหม่เกิดขึ้นมากมายในทุกวันนี้ หากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงก็ย่อมดีกว่า เพราะอาจช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ วิตามินซียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นอีกมากมาย โดยในบทความนี้ได้รวบรวมสรรพคุณเหล่านั้นมาให้ได้ศึกษากัน

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

เม็ดเลือดขาวเป็นหนึ่งในสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ (Antibody) ของร่างกาย โดยเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ในการต่อต้านและกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อแปลกปลอมสำเร็จ เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันก็จะจดจำวิธีการในการตอบสนองต่อเชื้อโรคชนิดนั้น จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ซึ่งอาจลดความรุนแรง ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือการป่วยจากเชื้อชนิดเดิมซ้ำได้ หากได้รับวิตามินซีก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้

การดูดซึมวิตามินซี
สารอนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดขึ้นจากกลไกตามธรรมชาติของร่างกายร่วมกับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก หากสารอนุมูลอิสระมีอยู่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของร่างกาย (Oxidative Stress) โดยอาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์และยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามร่างกาย จึงอาจไปเพิ่มความเสี่ยงของโรคและปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงหรือโรคเรื้อรังไปจนถึงโรคร้ายแรงหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง วิตามินซีเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต่อต้านและลดระดับของสารอนุมูลอิสระได้ เมื่อสารอนุมูลอิสระในร่างกายลดลงและกลับมาอยู่ในระดับปกติ ร่างกายก็มีความสมดุลมากขึ้น จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่มีสาเหตุมาจากการอักเสบและความเสียหายเรื้อรังของเซลล์ภายในร่างกาย

ปริมาณการกินวิตามินซีที่เหมาะสม
วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีผลเสียต่อร่างกายน้อย สามารถทานได้ทุกวัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันจะแตกต่างกันไป ตามเพศ ความต้องการของแต่ละช่วงวัย ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และให้นมลูก ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความต้องการวิตามินซีสูงขี้น การกินวิตามินซีไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะ การทานวิตามินซีในปริมาณสูงๆ มากเกินไป ติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ปัสสาวะบ่อย ไม่สบายท้อง ปวดมวน ท้องเสีย

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน 
– ผู้หญิงที่สุขภาพดีอยู่แล้ว 75 มิลลิกรัม
– คุณแม่ให้นมบุตร 120 มิลลิกรัม
– ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม
– ผู้มีประวัติโรคตับหรือไต โรคเกาต์ โรคนิ่ว ไม่ควรใช้เกิน 1,000 มิลลิกรัม

กินวิตามินซีตอนไหนดี
ความจริงแล้วการกินวิตามินซี จะทานช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทานพร้อม หรือหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในปัจจุบัน
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น นอกจากการกินอาหารประเภทผักและผลไม้เป็นประจำแล้ว การกินวิตามินซีในรูปแบบของอาหารเสริม ทั้งแบบแคปซูล แบบเม็ดสำหรับกิน เคี้ยว แบบเม็ดฟู่ผสมน้ำ และเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงวัย กะปริมาณการทานให้เหมาะสม โดยดูถึงส่วนผสมอื่นๆ ที่มากับผลิตภัณฑ์ด้วย

ที่มา : lovefitt.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 ผลไม้ป้องกันหวัดสร้างภูมิคุ้มกัน

ผลไม้หลายชนิดมีวิตามินซีสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันโรคเหงือกและฟัน โรคเลือดออกตามไรฟัน โดยปกติร่างกายคนเราต้องการวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เรามาดูกันเลยว่า ผลไม้ป้องกันหวัด ได้มีอะไรกันบ้าง ตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

ฝรั่งสีชมพู
ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก เพียงประมาณ 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 288 มิลลิกรัม มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

มะขามป้อม
ผลไม้ลูกเล็กๆแต่กลายเป็น ผลไม้ป้องกันหวัด ได้ดีเพราะมีวิตามินซีสูงมาก มะขามป้อมปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 276 มิลลิกรัม ดังนั้นเพียงแค่ทานมะขามป้อมไม่กี่ลูกก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และยังช่วยบรรเทาอาการไข้ แก้ไอขับเสมหะ

ฝรั่ง
เป็นผลไม้ที่มีราคาถูกและหาได้ง่ายมีให้ทานตลอดทั้งปี ปริมาณฝรั่ง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินซี 160 มิลลิกรัม จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย แค่กินฝรั่งวันละ 1 ลูก ก็ช่วยให้ห่างไกลโรคได้

ลิ้นจี่
ลิ้นจี่ อุดมไปด้วยวิตามินซีและกลูโคส ปริมาณลิ้นจี่ 100 กรัม มีวิตามินซี 72 มิลลิกรัม เพียงแค่ทานลิ้นจี่วันละ 3 ผล ก็ช่วยเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงยิ่งขึ้น

โทงเทงฝรั่ง
โทงเทงฝรั่ง มีวิตามินซีสูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งวิตามินซีจะช่วยป้องกันโรคหวัด หรือโรคภูมิแพ้ และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี

ลูกพลับ
ลูกพลับหนึ่งผลจะวิตามินซี 66 มิลลิกรัม คนญี่ปุ่นจึงนิยมทานลูกพลับเพราะมีวิตามินซีสูงช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านทานต่อแบคทีเรียและไวรัสที่จะทำให้เกิดโรคได้

เสาวรส
เสาวรสเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากจึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันไข้หวัดได้เป็นอย่างดี ใครที่รู้สึกว่าป่วยง่าย เป็นหวัดบ่อยๆ ควรทานเสาวรสเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

สับปะรด
อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันหวัด ลดเสมหะในลำคอ แก้เสมหะเหนียว ขับเสมหะได้ โดยจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียและต้านอาการอักเสบได้อีกด้วย

ส้ม
ส้ม 100 กรัม มีวิตามินซี 53 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีช่วยรักษาเลือดออกตามไรฟัน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแข็งแรง ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย

กีวี
กีวีผลไม้เนื้อสีเขียว รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กีวี 100 กรัม มี วิตามินซี 105 มิลลิกรัม มีวิตามินซีสูงกว่าส้มซะอีก จึงช่วยรักษาภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงช่วยให้ไม่เป็นหวัดง่ายๆ

ที่มา : health.mthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน