เคล็ดลับ! กลับมาสวยปังหลัง WFH

ตอนนี้สถานการณ์ เชื้อไวรัสโควิด 2019 หรือ COVID-19 เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี หลายๆ คนเริ่มกลับมาทำงานกันตามปกติ วันนี้ SI มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้สาวๆ กลับมาดูดีเริ่มต้นทำงานกันอีกครั้ง มาฝากกันค่ะ

1. มาส์กหน้าใส

สิ่งแรกที่ทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน นั่นคือ การหยิบเอาแผ่นมาส์กหน้าที่ซื้อตุนไว้ หรือจะลงทุนทำมาส์กเองด้วยวัตถุดิบจากก้นครัวก็ยิ่งดี ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว กำจัดสิ่งอุดตันที่สะสมอยู่บนหน้า เแถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายหน้า บอกเลยว่าสาวๆ สามารถมาร์กวันเว้นวันได้เลยทีเดียว

2. สครับผิวตัวเพิ่มออร่า

มาส์กหน้าแล้วอย่าลืมก็อย่าลืมหาสครับดีๆ เนื้อละเอียด มาสครับตัวด้วยนะคะ กำจัดพวกขี้ไคล ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว บริเวณผิวตัว รักแร้ และผ่าเท้า หลังเท้า เตรียมเผยผิวใหม่อย่างสดใส หมั่นทำบ่อยๆ เช่นเดียวกับมาส์กหน้า รับรองใครก็ตามที่เห็น ต้องตกตะลึง!

3. ทำสีผมสวยๆ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่สาวๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด คือการทำสีผมสวยๆ ถึงแม้จะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ใช่ว่าไม่ใครเห็น หันมาถ่ายรูปลงโชเชียลแทน ก็ไม่ผิดกฏอะไรนี่จ๊ะ จริงไหม?

4. บำรุงเส้นผมให้เงาวับ

เมื่อได้สีผมสวยๆ ตามต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม ด้วย เซรั่มบำรุงผมทรีทเม้นท์จากธรรมชาติหรือแบบพร้อมใช้ ก็มีให้เลือกมากมาย ว่าแล้วรีบโหลดแอพ สั่งออนไลน์ด่วนๆ

5. บำรุงริมฝีปาก

ก่อนหน้านี้เชื่อว่าสาวๆ แต่ละคน ประโคมเมคอัพสวยๆ แน่นๆ พบปะผู้คนในที่ต่างๆ โดยเฉพาะลิปสติกที่ต้องทาทุกชั่วโมง ทำให้ริมฝีปากลอก แห้ง มีสีคล้ำ รีบจัดการบำรุงริมฝีปากซะตอนนี้สิคะ หมั่นทาลิปบาล์ม ทุกวันหรือ ลิปมาส์ก ในตอนกลางคืนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้ริวฝีปากกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

6. ฝึกทาเล็บ

ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนให้เสียสตังค์ เพราะตอนนี้อุปกรณ์ทำเล็บ และขั้นตอน ลวดลายแบบต่างๆ มีให้เรียนผ่านออนไลน์มากมาย อาจจะไม่สวยเป๊ะเหมือนทำที่ร้านทำเล็บ แต่เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ เชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ สู้ๆ

7. อัพสกิลแต่งหน้า

เรียกว่ามีเวลาถมเถที่จะหยิบเอาเมคอัพที่เก็บไว้ในคลังในลิ้นชัก มาอัพสกิวการแต่งหน้า ด้วยโทนสีต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เป๊ะพอ งานนี้ไม่แน่อาจได้เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งก็ได้ ใครจะไปรู้

8. นอนให้เต็มอิ่ม

จากที่ต้องรีบตื่นแต่เช้า ทำงาน กว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองสามทุ่ม สาวๆ มีเวลาเหลือเฝือที่จะจัดการอะไรต่างๆ ในแต่ละวัน และหันมานอนเร็วขึ้น เพราะการได้นอนเต็มอื่มอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จะช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้กลับมาสดใสในตอนเช้า มีเรี่ยวแรงทำอะไรสนุกๆ ได้ทั้งวัน

9. ทานอาหารที่มีประโยชน์

ช่วงนี้สาวๆ ควรเน้นทานอาหารดี มีประโยชน์ ครบทั้ง 3 มื้อ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ อาหารปรุงสุกใหม่ๆ เพื่อชดเชยก่อนหน้านี้ที่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน บางวันไม่ได้ทานมื้อเช้า ไปอัดอีกทีในมื้อดึก นอกจากไม่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ขาดสารอาหาร อีกด้วย

10. ฟิตหุ่นกันเถอะ
ใครที่อยากออกกำลังกายแต่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ช่วงนี้เป็นช่วงที่สาวๆ สามารถฟิตหุ่นง่ายๆ ได้ที่บ้าน ด้วยการเปิดยูทูป หาคลิปออกกำลังกายเอ็กเซอไซด์ อาทิ โยคะ วิ่งบนลู่ คาร์ดิโอ เต้นซุมบ้า ถ้าจะให้ดีชวนสมาชิกในบ้านมาออกกำลังกายด้วยกัน สนุกกว่าเดิมแน่นอน

ที่มา : www.beautyhunger.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

คอลลาเจน ใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนกันก่อน จริง ๆ แล้วคอลลาเจนมีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วนั่นแหละ เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในกระดูก กระดูกอ่อน เอ็นกล้ามเนื้อ ขน เส้นผม และเนื้อเยื่อ ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่คอลลาเจนจะเริ่มเสื่อมสลายไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผม ผิว และกระดูกข้อต่อเราเริ่มไม่แข็งแรง การกินอาหารเสริมคอลลาเจนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายให้กลับคืนมา จริง ๆ แล้วคอลลาเจนมีมากกว่า 16 ชนิด แต่หลัก ๆ ที่จำเป็นก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จัก 4 ชนิดของคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย ไปดูกันค่ะ

Collagen Type 1 หรือคอลลาเจนประเภทที่ 1 ที่พบได้ที่ชั้นหนังแท้ เอ็น พังผืด เนื้อกระดูกแข็ง พบได้เฉพาะในสัตว์ชั้นสูงเท่านั้น ฉะนั้นการกินคอลลาเจนประเภทนี้จึงช่วยเรื่องผิวเน้น ๆ ค่ะ

Collagen Type 2 ตัวนี้นี่แหละค่ะที่สำคัญกับกระดูกข้อต่อ เพราะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่ ช่วยลดอาการปวดข้อ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้สะดวก การกินคอลลาเจนประเภทนี้จึงช่วยเรื่องข้อโดยตรง

Collagen Type 3 ตัวนี้ก็ส่งเสริมการทำงานบนผิวเช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า เนื่องจากว่าตัวเขาจะอยู่ในเฉพาะผิวใหม่ ผิวเด็ก ผิวที่เป็นแผลที่สร้างใหม่เท่านั้นเอง

Collagen Type 4 ส่วนตัวนี้จะพบได้ในเส้นใยฝอยของเยื่อบุผิวแผ่นบาง ๆ ในบริเวณนอกเซลล์

แล้วใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก ดังนั้นคอลลาเจนไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ส่วนครีมต่างๆ ที่มีขายตามท้องตลาดที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ก็จะเป็นการผลักคอลลาเจนให้อยู่ได้แค่ชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น แต่เนื่องจากคอลลาเจนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักตัวมันจึงทำให้ผิวหนังกำพร้าชุ่มชื้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างแท้จริง เพราะการเสริมสร้างคอลลาเจน จะต้องเข้าสู่ด้วยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังและการรับประทาน โดยในขณะที่การฉีดจะเสริมคอลลาเจนนั้นก็ได้เพียงเฉพาะที่เท่านั้น เพราะอย่างนั้น “การรับประทานน่าจะเป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุด”

ที่มา : www.wongnai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

6 สมุนไพรตัวเทพตัวช่วยผลิตคอลลาเจน

คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดจากการรวมตัวของ กรดอะมิโน (Amino Acid) หลายชนิดต่อกัน โดยปกติร่างกายมนุษย์จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น ขน และเส้นผม รวมไปถึงเนื้อเยื่อทั้งหมดในร่างกาย โดยคอลลาเจนจะผลิตได้มากในขณะที่เราอายุยังน้อย และจะค่อยๆ ลดปริมาณการผลิตลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เมื่อปริมาณคอลลาเจนลดลงก็จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ กับผิวพรรณ เช่น ผิวพรรณขาดความกระชับ หย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และเกิดความหมองคล้ำ จึงทำให้คนส่วนมากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนมาทดแทนในส่วนที่ขาดหายไปนั่นเอง วันนี้ SI มี 6 สมุนไพรที่ช่วยการผลิตคอลลาเจน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

ว่านหางจระเข้ (Aloe) มีส่วนในการรักษาบาดแผลโดยการเพิ่มการผลิตคอลลาเจน

บิลเบอร์รี่ (Bilberry) มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้คอลลาเจนคงตัว

ดาวเรือง (Calendula) นักวิจัยเชื่อว่าครีมดาวเรืองจะช่วยรักษาแผลและช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้

หญ้าหางม้า (Horsetail) มีซิลิกา (Silica) เป็นองค์ประกอบซึ่งเป็นสารที่ร่างกายต้องการเพื่อผลิตคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

น้ำเต้า (Bottle gourd) มีสารไฟโตเอสโทรเจน (Phytoestrogens) ที่ช่วยป้องกันริ้วรอย อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย

กวาวเครือขาว มีสารกลุ่มไฟโตเอสโทรเจน (Phytoestrogens) และโครมีน (Chromene) ที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จากงานวิจัยพบว่า ไฟโตเอสโทรเจนและเอสโตรเจนจะช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นหนังแท้ได้ทั้งในเพศชาย และเพศหญิง

ที่มา : www.honestdocs.co

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สุขภาพดีสร้างได้ด้วย 5 เคล็ดไม่ลับ

สุขภาพที่ดีใคร ๆ ก็อยากมี แต่วิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบันมีสิ่งยั่วยุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การเสพสื่อโซเชียล ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้สุขภาพของเราแย่ลงทุกวัน วันนี้ SI มี 5 เคล็ดไม่ลับเพื่อสุขภาพที่ดีมาฝากกันค่ะ

1. การเลือกรับประทานอาหาร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย การจะเกิดผลดีหรือผลเสียนั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพราะร่างกายจะนำไปพัฒนาและซ่อมแซมในส่วนต่าง ๆ ควรลดอาหารที่มีแคลอรีสูง ของทอด ปิ้ง-ย่าง หรืออาหารที่มีไขมันเยอะ เพราะหากร่างกายเผาผลาญไม่หมดก็จะกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายในที่สุด ทางที่ดีควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์

2. บริหารสมอง
การบริหารสมองก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้ ลองหาเกมฝึกสมองมาเล่น เช่น เกมอักษรไขว้ เกมจำตำแหน่งภาพ เกมจับผิด เกมซูโดกุ หรือเกมหมากรุกจีน เป็นต้น ควรหันมารับประทานผลไม้พวก ส้ม องุ่น เบอร์รี่ให้มากขึ้นด้วย เพราะผลไม้จำพวกนี้มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ หรือการหัวเราะก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายจะหลั่งสารเคมีในระบบประสาทที่ทำให้ผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีทั้งร่างกาย จิตใจ อีกทั้งคนรอบข้างก็จะมีความสุขตามไปด้วย

3. พักสายตาจากการเสพสื่อโซเชียล
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนหรือทำอะไรก็ต้องถ่ายรูป แชร์ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ไม่ให้พลาดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ซึ่งถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็จะให้ผลดีแก่เรา แต่ถ้าใช้มากเกินไปนอกจากจะทำให้เป็นคนติดโซเชียลแล้ว ยังอาจทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเมื่อยล้า หรือตาแห้งเพราะต้องคอยจ้องอยู่ที่หน้าจอเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเบลอ สายตาพร่ามัว หรือสายตาสั้นได้ ทางที่ดีควรพักสายตา และบริหารดวงตาของเราด้วย เช่น กระพริบตา กลอกตาไปมาเพื่อป้องกันตาแห้ง หรือมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกล ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายดวงตาลงได้ และถ้าลดโซเชียลลงบ้าง ก็จะทำให้ไม่ต้องเครียดจากการเสพข่าว สุขภาพจิตดีขึ้น

4. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายนอกจากจะได้สุขภาพที่ดี เพราะอวัยวะภายในร่างกายจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้เรามีภูมิต้านทานห่างไกลโรคภัยต่าง ๆ สุขภาพจิตก็ดีตามไปด้วย ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีหลังเลิกงาน ลองเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้านก็ได้ หรือจะวิ่ง จะแอโรบิค ก็ล้วนแต่ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีทั้งนั้น แต่หากใครไม่มีเวลาออกกำลังกายจริง ๆ งานบ้านก็อาจจะช่วยได้เหมือนกัน เช่น ทำสวน กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างรถ ก็ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ทั้งยังทำให้บ้านสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย

5. พักผ่อนให้เพียงพอ
เมื่อทำกิจวัตรต่าง ๆ ในแต่ละวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ การนอน เพราะร่างกายจะได้ซ่อมแซมฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงและนอนให้เป็นเวลา เพราะหากนอนดึกเกินไป ร่างกายอาจเหนื่อยล้าได้ อีกทั้งยังมีผลเสียตามมา เช่น มีริ้วรอย เสี่ยงต่อโรคภัยต่าง ๆ ทางที่ดีควรพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อตื่นขึ้นมารับวันใหม่ ร่างกายจะได้สดชื่นและตื่นตัวตลอดทั้งวัน สุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วย

ที่มา : www.krungsri.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

7 เคล็ดไม่ลับ! นอนหลับง่ายไม่ต้องพึ่งยา

การนอนสำคัญต่อสุขภาพที่สุด แต่เพราะชีวิตอันแสนวุ่นวาย กับความเครียดที่ถาถมเข้ามาอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ การเงิน ครอบครัว เป็นต้น จึงทำให้การนอนกลายเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน อาการดังกล่าวยังมีทางออก เพียงลองปรับพฤติกรรมกันดูสักนิด วันนี้ SI มีบทความดีๆ แบบไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ด้วย 7 เคล็ดลับง่าย ๆ ไปดูกันค่ะ

1. สร้างบรรยากาศห้องนอนใหม่
ห้องนอนที่ดีควรจะเงียบไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิห้องต้องเย็นพอดีและอย่าใช้แสงสว่างจ้าจากหลอดไฟยามดึก ส่วนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดสำหรับคนนอนหลับยาก เพราะแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายจะกดการหลั่งเมลาโทนินออกจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการนอน ชะลอวัย และลดความเครียด มีรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Pineal Research พบว่า แสงสีฟ้าจะทำให้ระดับเมลาโทนินลดลงไปอยู่ระดับเดียวกับช่วงกลางวัน ซึ่งจะทำให้ตาสว่างและนอนหลับยาก

2. ผ่อนคลายตัวเอง
ก่อนนอนสัก 1 – 2 ชั่วโมงลองทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยหายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ และค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกอย่างช้า ๆ พยายามให้สติกำหนดอยู่กับลมหายใจก็จะได้ผลที่ดีขึ้น และเมื่อจะเอนตัวลงให้เลิกการคิดเรื่อยเปื่อย คิดถึงปัญหา หรือถ้าตัวเองรู้ตัวว่า เริ่มคิดอีกแล้วให้ดึงสติกลับมาและทำใจให้สบาย บอกกับตัวเองว่านื่คือเวลานอน เวลาพักผ่อน ปัญหาทุกอย่างควรสะสางต่อพรุ่งนี้ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ทำให้สมองไม่ผ่อนคลาย ได้แก่ ทีวี สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต

3. กินอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
ลองกินอาหารแมกนีเซียมสูงอย่าง ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ อะโวคาโด กล้วย โยเกิร์ต มันฝรั่ง ลูกเกด ผักโขม นมถั่วเหลือง เต้าหู้และปลาทูน่า เพราะถ้าร่างกายขาดแมกนีเซียมจะส่งผลต่อระบบประสาทสมองที่ช่วยในการนอนหลับ และควรงดอาหารที่สารกาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม จะทำให้ระบบประสาทตื่นตัวและนอนไม่หลับ

4. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
เป็นวิธีธรรมชาติและเสริมสุขภาพที่ดี เพียงแช่เท้าในน้ำที่อุณหภูมิประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส แล้วใช้ฝ่ามือถูนวดบริเวณเท้าไปด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดจะช่วยคลายความอ่อนล้าได้ดี ฉะนั้นการแช่เท้าด้วยน้ำร้อนจะดึงเลือดจากข้างบนมาสู่ข้างล่าง ลดภาวะตึงเครียดของสมอง ทำให้หลับสบาย และไม่ค่อยฝัน

5. กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยบำบัด
กลิ่นหอมจากสมุนไพรธรรมชาติที่สกัดออกมาเป็นน้ำมันหอมระเหยหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “อโรมาเธอราปี” ช่วยให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย ลดปฏิกิริยาทางกายที่มีต่อความเครียด น้ำมันหอมระเหยมีหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่ถ้าเป็นใครมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ แนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ ซึ่งช่วยให้นอนหลับง่าย ปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลและจิตใจสงบ

6. ปรับอุณหภูมิและเครื่องฟอกอากาศ
เพื่อให้การนอนหลับมีความสบายมากขึ้นควรปรับอุณหภูมิห้องให้อยู่ระหว่าง 17 – 25 องศาเซลเซียส อีกทั้งการใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้สมดุลและยังช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่มีอนุภาคเล็ก เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ สปอร์ของเชื้อรา กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศ เป็นอีกวิธีที่จะทำให้นอนหลับลึกได้ต่อเนื่อง

7. นอนให้เป็นเวลา
ลองจัดตารางการนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกคืนจนเป็นกิจวัตร ถ้าทำติดต่อกันภายใน 1 อาทิตย์ ร่างกายก็จะปรับตัวและคุ้นเคยจนทำให้หลับได้ตามเวลานั้น ๆ หรือมีบางกรณีที่นอนแล้วยังไม่หลับนานถึง 30 นาที อย่าเพิ่งฝืนนอนต่อ อย่าโกรธหรือหงุดหงิด และอย่าดูนาฬิกาบ่อย ๆ เพราะจะเป็นการกดดันตัวเองว่า ทำไมยังไม่หลับสักทีและจะทำให้ไม่หลับจริง ๆ ในที่สุด

ที่มา : www.bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 วัคซีน ที่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ป้องกันก่อนเกิด

หลายคนอาจเข้าใจว่าวัคซีนจำเป็นสำหรับเด็ก แต่ความจริงแล้วการได้รับวัคซีนป้องกันโรคในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว การป้องกันก่อนเกิดโรคถือเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ทั้งยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 6 วัคซีนที่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่มาฝากกันค่ะ

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)
แนะนำให้ฉีดทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ (Pneumococcal vaccine)
ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย นิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุสําคัญของการติดเชื้อ ปอดอักเสบ และอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้แก่ ผู้ที่มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ป่วยที่ตัดม้าม ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคตับแข็ง โรคไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน/บาดทะยัก-คอตีบ (Tdap/Td) เข็มรวม
ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อการป้องกันโรคทั้ง3ชนิดนี้ โดยควรฉีดวัคซีน บาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน(Tdap) 1 ครั้งในวัยผู้ใหญ่ หลังจากนั้นฉีด วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ (Td) ทุก 10 ปี

วัคซีนงูสวัด(Zoster vaccine)
แนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปเนื่องจากเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคงูสวัดสูงสุด ผู้ป่วยที่มีอายุ
50 – 59 ปีที่มีความประสงค์จะรับวัคซีนนี้ ควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากวัคซีนนี้สามารถป้องกันโรคงูสวัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วง 5 ปีแรก แนะนำฉีดเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องมีการฉีดกระตุ้นซ้ำ

วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine)
แนะนำฉีดวัคซีนในประชากรกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง เนื่องจากมีโอกาสสูงในการเกิดโรครุนแรง ผู้ประกอบอาหาร กลุ่มชายรักชาย ผู้ติดยาเสพติด ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ โดยฉีดเพียง 1 เข็มสำหรับวัคซีนเชื้อเป็น

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccine)
เป็นโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังนำไปสู่ โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ แนะนำฉีดวัคซีนประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ ได้แก่ ผู้ติดยาเสพติด รักร่วมเพศ ผู้ป่วยโรคไตที่ทำการฟอกไต ผู้ป่วยที่รับเลือดบ่อย ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โดยฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ห่างครั้งแรก 1-2 เดือน ครั้งที่ 3 ห่างครั้งแรก 6 เดือน

ที่มา : www.phukethospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


4 สัญญาณอันตรายเมื่อต้องติดซีรีย์ในช่วง Quarantine

ในช่วง Work From Home หรือช่วงที่หยุดงานชั่วคราวแบบนี้ อาจทำให้ใครหลายคนดูซีรีส์ได้ยาวกว่าเดิม แต่อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้มากกว่าตอนที่ออกไปทำงานข้างนอกตามปกติเสียอีก วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 4 สัญญาณอันตรายที่อาจแฝงมาในช่วงติดซีรีย์มาฝากกันค่ะ

นอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่การที่เราอดนอนเพื่อดูซีรีส์ข้ามวันข้ามคืน เมื่อเราจะกลับมานอนในเวลาเดิม จะรู้สึกว่านอนหลับได้ยากขึ้น และยังรู้สึกเพลียมากหลังตื่นนอน (นอนหลับก็ยาก ตื่นนอนก็ยาก) หากปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตผิดเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองในเรื่องของความจำได้อีกด้วย

กระดูกสันหลังผิดปกติ
การนั่งดูซีรีส์อยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานอยู่บนโซฟา หรือเก้าอี้ยาวใดๆ อาจไม่ใช่ท่านั่งที่ดีนักเมื่อต้องนั่งไปนานๆ อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังได้ หากยังมีพฤติกรรมเดิมอยู่บ่อยๆ โดยไม่เปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้อง อาจเสี่ยงกระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้นได้

โรคอ้วนถามหา
เมื่อเราสิงร่างรวมตัวเข้ากับโซฟา หรือเตียงไปแล้ว (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า couch potato ที่แปลว่าคนที่วันๆ นั่งอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน) ก็มีความเสี่ยงมากที่เราจะเสี่ยงโรคอ้วน น้ำหนักขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดได้

Computer Vision Syndrome
คนส่วนใหญ่รับชมซีรีส์ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ การจ้องหน้าจอนานๆ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงกับอาการ Computer Vision Syndrome ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป และอยู่ในที่มีความสว่างไม่เพียงพอ หรือเกิดจากความสว่างของหน้าจอที่ปรับไว้ไม่เหมาะสมในขณะใช้งาน ทำให้เกิดอาการอาการตาพร่ามัว ล้าตา ตาแห้ง เคืองตา เจ็บตา ปวดรอบดวงตา เห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และหลังร่วมด้วย เนื่องจากอยู่ในท่านั่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากค่าสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาทิ สายตายาว สายตาเอียง

ที่มา : www.sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


อาหารเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในช่วงโควิด

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ทำให้สร้างความตื่นกลัวไปทั่ว โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายผ่านละอองน้ำในอากาศได้ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบปิดเป็นระยะเวลานาน และสาเหตุการติดเชื้อส่วนใหญ่ เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือการหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อเข้าไป จึงเป็นต้นเหตุให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเกิดปอดอักเสบชนิดรุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ทางที่ดีที่สุดคือการเตรียมพร้อมป้องกันนั่นเอง โดยการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและมีมลภาวะเป็นพิษ รวมถึงพื้นที่ที่อากาศปิดเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้การเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม โดยการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงและความรุนแรงจากการติดเชื้อนี้ได้

โดยระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือ ระบบที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ที่เป็นอันตรายไม่ให้เข้ามาทำอันตรายต่อร่างกายหรือหากเราได้รับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันก็จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นให้หมดไปจากร่างกายโดยเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเสริมภูมิคุ้มกันก็ทำได้ด้วยการดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้นเพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอเช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารให้ครบหมู่โดยคำนึงถึงสารอาหารที่ควรได้รับอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในช่วงนี้การเพิ่มสารอาหารในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันจึงเป็นเรื่องจำเป็นซึ่ง SI มีบทความดีๆ  เคล็ดไม่ลับในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมาฝาก ง่ายๆ เลยก็คือ การรับประทานวิตามินและสารอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

1 วิตามินซี (Vitamin C)
ข้อมูลจากงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่าวิตามินซีมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิต้านทานต่อโรคติดเชื้อ มีรายงานว่าผู้ที่มีระดับวิตามินซีในร่างกายสูงจะหายจากการเจ็บป่วยบางชนิดเช่นไข้หวัด และการติดเชื้อไวรัสได้เร็วกว่าคนที่ไม่ได้รับวิตามินซีเสริม โดยวิตามินซีจะพบมากในอาหารประเภทผัก ผลไม้สด โดยเฉพาะผลไม้กลุ่ม Citrus fruits ได้แก่ส้ม มะนาว เกรปฟรุต รวมถึงผักบางชนิดเช่น บรอคโคลี่ กะหล่ำต่างๆ และมะเขือเทศ

2 กระเทียม (Garlic)
มีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจน ถึงคุณสมบัติของสารอัลลิซิน (Allicin) ในกระเทียมที่สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและเชื้อโรคอีกหลายชนิด ทั้งยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เม็ดเลือดขาว และเม็ดเลือดแดงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น มีข้อมูลที่บ่งชี้ชัดเจนว่าผู้ที่รับประทานกระเทียมเป็นประจำ จะมีโอกาสป่วยลดลงและหายจากอาการป่วยด้วยโรคติดเชื้อเร็วขึ้น

3 เอ็กไคนาเซีย (Echinacea)
เอ็กไคนาเซียเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งเป็นสมุนไพรที่ช่วยการฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน เพิ่มภูมิต้านทาน จากงานวิจัยพบว่าเอ็กไคนาเซียมีคุณสมบัติยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส นอกจากนี้ช่วยกระตุ้นส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่มีตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายซึ่งก็คือ เซลล์แมคโครฟาจ (Macrophage) และเซลล์ภูมิต้านทานชนิด NK Cell (Natural Killer Cell) ซึ่งเมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เซลล์แมคโครฟาจในเม็ดเลือดขาว จะเป็นปราการด่านแรกในการทำลายเชื้อโรค ทำให้กำจัดเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเซลล์ภูมิต้านทานชนิด NK Cell ทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคกำจัดเชื้อโรคได้เร็วขึ้นกว่าปกติ

ที่มา : พญ.อนงนุช ชวลิตธำรงค์

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

แพร่เชื้อ Covid-19 ไม่รู้ตัว แค่ออกกำลังกายนอกบ้าน

ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ออกมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายนอกบ้าน อาจเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไกลกว่าที่คิด เพราะล่าสุดงานวิจัยจากเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ออกมาจากผู้ป่วยโควิด-19 ขณะกำลังเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจสามารถแพร่เชื้อไปได้ไกลกว่าการอยู่เฉยๆ กับที่แล้วไอ หรือจาม ที่จะมีรัศมีในการแพร่เชื้ออยู่ที่ 1-2 เมตร แต่การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียว

งานวิจัยล่าสุดจาก KU Leuven (เบลเยี่ยม) และ TU Eindhoven (เนเธอร์แลนด์) ระบุว่า จากที่เราให้การระมัดระวังในเรื่องของ Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร เพื่อป้องกันการสูดเอาละอองฝอยน้ำลายจากการไอจามของผู้ป่วยโควิด-19 นั้น หากตัวผู้ป่วยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนที่อยู่ด้านหลังอาจได้รับละอองฝอยน้ำลายของผู้ป่วยที่อยู่ด้านหน้าได้ไกลกว่า 1-2 เมตร

1.การเดินอยู่ด้านหน้า สามารถแพร่เชื้อที่อยู่ในละอองฝอยน้ำลายไปทางด้านหลังได้ไกลเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เมตร

2. การวิ่ง หรือปั่นจักรยานช้าๆ จะไปได้ไกลถึง 10 เมตร

3. การปั่นจักรยานเร็วๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตร
ดังนั้นในหลายพื้นที่จึงออกมาตรการห้ามใช้บริการในสถานที่สาธารณะ รวมถึงบ้านเราที่ปิดสวนสาธารณะในบางช่วงเวลาในช่วงนี้ด้วย เพื่อลดการออกกำลังกายในสถานที่สาธารณะที่อาจเป็นการแพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่นได้

แนะนำว่า ช่วงนี้ควรออกกำลังกายในพื้นที่ส่วนตัว ในบ้าน ในห้อง หรือรอบๆ บ้านที่มีรั้วกั้นระหว่างบ้านเราและบ้านคนอื่นอย่างชัดเจนจะดีที่สุด

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : gladiator-lab.ru,เฟซบุ๊คเพจ หมอเวร

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พลิกวิกฤต COVID-19 ด้วย 5 สินค้าทำเงิน!

ในช่วงเวลาที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาด ส่งผลให้สินค้าบางกลุ่มมีความต้องการสูง อย่างเช่น หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ สำหรับผู้ประกอบรายเล็กอย่าง SME จะใช้สถานการณ์นี้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับตัวเองอย่างไร ท่ามกลางต้นทุนที่มีจำกัด ทั้งยังเข้าไม่ถึงวัตถุดิบบางอย่างที่อาจขาดตลาดด้วย

หลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปในประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว มีความต้องการทางการตลาดพุ่งสูง แซงหน้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการอีกด้วย ส่องไอเดียพลิกข้อจำกัด SME สู่ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุดปังจะมีอะไรบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันค่ะ

1.เปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยมีสูงกว่าช่วงเวลาปกติ สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศ ที่ทำได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน (ข้อมูลจาก กรมการค้าภายใน) ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้าได้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีด้วย

เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนกันแล้ว โดยสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัส COVID-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลัง ไอ จาม หรือเสมหะ เป็นต้น

2.ปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพประเภทเจลล้างมือพุ่งสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตในประเทศไทย ณ เวลานี้ อยู่ที่ประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือได้ เนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย

แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวนั้น ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูกอีกด้วย

3.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์

ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิชชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา “ทิชชูเปียก” มาสู่ “ทิชชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9 เปอร์เซ็นต์ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง

4.ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส

สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งานได้

5.เสริมสร้างภูมิปัญญาไทยโอกาสสมุนไพรไทยระดับสากล

ปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้วย

นี่คือโอกาสในวิกฤตที่ผู้ประกอบการ SME สามารถนำมาเป็นไอเดียต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกให้มีอัตราการขยายตัวลดลง ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2563 ว่าจะขยายตัวในช่วง 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19) จากเดิมคาดการณ์การขยายตัวที่ 2.7-3.7 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ผู้ประกอบการ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน จึงต้องเร่งปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ในวันนี้ได้

ยังคงใช้ได้เสมอ กับคำว่า “โอกาสในวิกฤต” ถ้าเพียงแค่ผู้ประกอบการเปลี่ยนมุมคิด และตั้งรับกับสถานการณ์วิกฤตกันใหม่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ ก็อาจเกิดเป็นโอกาสธุรกิจที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคุณได้
และนี่คือ 5 ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการ SME แม้แต่วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตตลอดจนเลือกใช้วัตถุดิบอื่นๆ ทดแทนวัตถุดิบหลักที่ขาดแคลน เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทำเงิน

www.smethailandclub.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน