Specialty6hr แอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อ ปกป้องนาน 6 ชั่วโมง

สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น ออกผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เจลล้างมือสูตรกันน้ำ
ด้วยนวัตกรรม บีแทรป (B TRAP®) ฆ่าเชื้อ ปกป้องนาน 6 ชั่วโมง

บริษัทสเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (Specialty Innovation – SI) ผู้รับจ้างที่คิดค้นวิจัยพัฒนาออกแบบ และผลิตสินค้านวัตกรรมให้กับลูกค้า (Original InnovationManufacturer – O.I.M.) แห่งแรกในประเทศไทย ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพสุขอนามัย และความงาม ทั้งในรูปแบบยาแผนโบราณ อาหารเสริมสุขภาพ และเวชสำอาง พร้อมเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันทันต่อสถานการณ์ความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุดด้วยความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) จึงได้เร่งวิจัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อดูแลสุขอนามัยSpecialty Hand Sanitizing Gel แอลกอฮอล์เจลล้างมือ ชูจุดเด่น ปกป้อง 6 ชั่วโมง ปลอดภัยอ่อนโยน ถนอมมือ

ผลิตภัณฑ์ Specialty Hand SanitizingGel ที่คิดค้นและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้มาพร้อมเทคโนโลยีนวัตกรรม บีแทรป (B trap®) ลิขสิทธิ์ของบริษัทฯเป็นสารฆ่าเชื้อที่เคลือบบนผิวได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างจากแอลกอฮอล์เจลทั่วไปคือ สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง ที่สำคัญเป็นสูตรกันน้ำ ติดผิวนานแม้มีเหงื่อ หรือเปียกน้ำ ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดทั่วไปนอกเหนือจากนั้นยังผลิตจากแอลกอฮอล์ที่ได้จากธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีซีโร่เวสท์ (zero waste) อ่อนโยนไม่ทำให้ผิวแห้ง มีกลิ่นหอมจากสารสกัดธรรมชาติ ช่วยผ่อนคลาย

พบ Specialty Hand SanitizingGel ได้แล้ววันนี้ที่ เอ็กซ์ต้า พลัส (Exta plus) ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น!

ช่องทางการติดต่อ

Website: www.specialty6hr.com

Face book : www.facebook.com/Specialty6hr/

IG: Specialty6hr

เกี่ยวกับ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่นจำกัด

ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลพร้อมทุ่มเทพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อเป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิตจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพทั้งนี้ส่งผลให้เราเป็นผู้นำด้านการใช้สมุนไพรไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืนด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 300 ล้านบาท บนเนื่อที่กว่า 15 ไร่ อีกทั้งยังใส่ใจดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและได้รับการรับรองว่าเป็น GREEN HEALTH & BEAUTYFACTORY จนได้รับรางวัล LEED GOLD แห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่ปลูกสมุนไพร มากกว่า 1 ใน 3 ส่วนเพื่อเป็นแหล่งโอโซนรวมถึงการอนุรักษ์สมุนไพรหายาก ทั้งนี้กระบวนการผลิตยังออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานมากกว่า30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้แสงสว่างจากหลอด LED ระบบถ่ายเทความร้อนจากช่องลมและระบบอื่นๆนอกจากนี้ยังมีเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยซึ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐาสากลมากมาย อาทิ GMP ISO:9001, HACCP, HALAL เป็นต้น

 

พลิกวิกฤต COVID-19 ด้วย 5 สินค้าทำเงิน!

ในช่วงเวลาที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาด ส่งผลให้สินค้าบางกลุ่มมีความต้องการสูง อย่างเช่น หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ สำหรับผู้ประกอบรายเล็กอย่าง SME จะใช้สถานการณ์นี้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับตัวเองอย่างไร ท่ามกลางต้นทุนที่มีจำกัด ทั้งยังเข้าไม่ถึงวัตถุดิบบางอย่างที่อาจขาดตลาดด้วย

หลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปในประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว มีความต้องการทางการตลาดพุ่งสูง แซงหน้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการอีกด้วย ส่องไอเดียพลิกข้อจำกัด SME สู่ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุดปังจะมีอะไรบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันค่ะ

1.เปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยมีสูงกว่าช่วงเวลาปกติ สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศ ที่ทำได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน (ข้อมูลจาก กรมการค้าภายใน) ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้าได้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีด้วย

เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนกันแล้ว โดยสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัส COVID-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลัง ไอ จาม หรือเสมหะ เป็นต้น

2.ปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพประเภทเจลล้างมือพุ่งสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตในประเทศไทย ณ เวลานี้ อยู่ที่ประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือได้ เนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย

แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวนั้น ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูกอีกด้วย

3.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์

ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิชชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา “ทิชชูเปียก” มาสู่ “ทิชชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9 เปอร์เซ็นต์ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง

4.ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส

สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งานได้

5.เสริมสร้างภูมิปัญญาไทยโอกาสสมุนไพรไทยระดับสากล

ปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้วย

นี่คือโอกาสในวิกฤตที่ผู้ประกอบการ SME สามารถนำมาเป็นไอเดียต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกให้มีอัตราการขยายตัวลดลง ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2563 ว่าจะขยายตัวในช่วง 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19) จากเดิมคาดการณ์การขยายตัวที่ 2.7-3.7 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ผู้ประกอบการ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน จึงต้องเร่งปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ในวันนี้ได้

ยังคงใช้ได้เสมอ กับคำว่า “โอกาสในวิกฤต” ถ้าเพียงแค่ผู้ประกอบการเปลี่ยนมุมคิด และตั้งรับกับสถานการณ์วิกฤตกันใหม่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ ก็อาจเกิดเป็นโอกาสธุรกิจที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคุณได้
และนี่คือ 5 ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการ SME แม้แต่วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตตลอดจนเลือกใช้วัตถุดิบอื่นๆ ทดแทนวัตถุดิบหลักที่ขาดแคลน เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทำเงิน

www.smethailandclub.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


จับตา 7 ธุรกิจน่าลงทุนปี 2020

ธุรกิจที่มาแรงในปี 2020 นี้ ต้องเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีแนวโน้มที่จะตรงกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของลูกค้า จึงจะอยู่รอดและประสบความสำเร็จ และต้องเป็นธุรกิจมาแรงและจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดในปีหน้า แถมยังจะคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตโดยตรง และวันนี้ SI มี 7 ธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2020 นี้มาฝากกันค่ะ

1. ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ

จากเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มปี 2020 นั้น จะเห็นว่าลูกค้าจะหันมาใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้นไปอีก คือมีตั้งแต่เริ่มใช้โปรตีนสายพันธุ์ใหม่ หรือ Plant-based food แทนเนื้อสัตว์ มีการดื่มเครื่องดื่มทางเลือกที่มีน้ำตาลน้อย เริ่มมีอาหารเพื่อสุขภาพพร้อมทานมากขึ้น ทั้งยังมีการให้ความสำคัญกับอาหารผู้สูงอายุและโภชนาการเฉพาะบุคคลด้วย ดังนั้นหากลองหันมาจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพอย่างขายอาหารและเครื่องดื่ม หรือเปิดฟิตเนสและให้คำปรึกษาทางด้านสุขภาพก็น่าจะอินเทรนด์ตลาดและทำกำไรได้ไม่น้อย

2. ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม

เรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่ไม่เคยล้าสมัยอยู่แล้ว นั่นก็เพราะว่าคนเราอยากดูดีเสมอ แล้วอีกอย่างธุรกิจความสวยความงามก็เป็นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับดีเสมอมา ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีแบรนด์น้อย-ใหญ่ผุดขึ้นมาไม่หยุดในตลาดของไทย แล้วจากการศึกษาของ EuroMonitor เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็พบว่าธุรกิจอาหารเสริมของไทยมีมูลค่ามากกว่า 6.67 แสนล้านบาท ซึ่งหนึ่งในธุรกิจอาหารเสริมที่เติมโตและมีมูลค่าสูงก็คือ อาหารเสริมความงาม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจเกี่ยวกับความงามจะเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2020 นี้

3. ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ

แนวโน้มเทรนด์ธุรกิจอาหารในปี 2020 นั้นจะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับอาหารผู้สูงอายุมากขึ้น และมีการศึกษาพบว่าประเทศไทยของเรากำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวเร็ว ๆ นี้ โดยลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ทั้งยังชอบมองหาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นธุรกิจน่าลงทุนในปี 2020 ที่จะถึงนี้จึงหนีไม่พ้นธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุนั่นเอง ลองมองหาทางเลือกในการทำธุรกิจอย่างการดูแลผู้สูงวัย อาหาร ไลฟ์สไตล์ หรือกิจกรรมสันทนาการ ก็น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนอยู่เหมือนกัน

4. ธุรกิจเกี่ยวกับแม่และเด็ก

ไม่ว่าจะกี่ยุคหรือกี่สมัย พ่อแม่ก็ยังคงต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่เสมอ แล้วจะมีไอเดียทำธุรกิจไหนที่ดีไปกว่าการขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นธุรกิจที่น่าสนใจในปี 2020 ก็จะเป็นธุรกิจขายของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการ หรือขายไอเท็มที่ส่งเสริมทักษะของลูกน้อย

5. ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

น้องหมาน้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ คือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักที่มอบความสุขให้กับใครหลายคน และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด เลยทำให้หลายบ้านหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหล่านี้กันมากขึ้น ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าแทบจะไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง และแน่นอนว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ต่างก็มองหาอาหารสัตว์ที่ดีที่สุดและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจึงเป็นธุรกิจที่ไม่เคยตกยุคและน่าลงทุนในปี 2020 ที่จะถึงนี้

6. ธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์

ในยุคที่ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) มาแรง และการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ได้รับความนิยมมาขึ้นเรื่อย ๆ คนที่จับทางเทรนด์และปรับตัวตามกระแสเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและมีโอกาสเติบโต ซึ่งหากคุณมีความรู้ความสามารถด้านนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่ลองพิจารณาดูล่ะ ? ลองหาเงินทุนมาเริ่มต้นดู ยังไงก็มีโอกาสทำเงินแน่นอน !

7. ธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์

หากจะถามถึงธุรกิจน่าลงทุนปี 2020 ธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะสมัยนี้ใคร ๆ ก็รักความสะดวกสบายและไม่ชอบจ่ายเงินให้กับความยุ่งยาก แม้จะเป็นการหาความรู้ก็ต้องเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาและไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง ลองหาแนวทางที่ถนัดและทำเป็นคอร์สออนไลน์ รับรองว่าไปได้สวยแน่นอน

สรุป
ธุรกิจน่าลงทุนปี 2020 ที่เราได้แนะนำไปนั้น เป็นธุรกิจมาแรงและจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดในปีหน้า แถมยังจะคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าเงินลงทุนหรือรูปแบบการจัดการของแต่ละธุรกิจนั้นย่อมแตกต่างกันไป บางธุรกิจอาจจะใช้เงินทุนน้อยกว่า หรือบางธุรกิจอาจจะใช้เงินสูงขึ้นมานิดหน่อย แต่รับรองว่าน่าสนใจและมีแนวโน้มทำกำไรให้กับคุณแน่นอน!

ดังนั้นเลือกให้ดีว่าคุณชอบหรือมองเห็นโอกาสในธุรกิจไหน จากนั้นก็ลงมือทำแผนธุรกิจให้ครอบคลุมที่สุด เริ่มตั้งแต่เป้าหมาย เงินลงทุน แผนการตลาด แผนการขาย ฯลฯ แค่นี้ก็จะทำธุรกิจได้อย่างราบรื่นแล้ว

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

ส่องเทรนด์ สกินแคร์ 2020

เชื่อว่าสาวๆ คงจะเห็นผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากมายที่จะช่วยดูแลผิวพรรณให้สวยเต่งตึงสู้กับกาลเวลาที่ผ่านไป เรียกได้ว่า ตามซื้อตามใช้กันแทบจะไม่ทันเลยทีเดียว และปี 2020 ก็คงเป็นอีกปีหนึ่งที่บรรดาแบรนด์ต่างๆ จะปล่อย สกินแคร์ ใหม่ๆ มาให้เลือกกันอย่างจุใจ วันนี้ SI จะขอตามเทรนด์ ลองมาดูกันดีกว่าว่า “เทรนด์ของสกินแคร์” ในปีนี้ จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

1. สวยแบบ “Zero-Waste”
สวยแบบรักโลก กระแสที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากสกินแคร์สาวๆ ต้องการนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อผิวแล้ว ยังจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากกระบวนการผลิต ส่วนผสมต่างๆ และบรรจุภัณฑ์

2. ครีมกันแดดสูตร “Mineral”
ปัญหาหลักของครีมกันแดดที่สาวๆ ร้องยี้นั่นก็คือ ความเหนียวเหนอะหนะ รวมไปถึงเนื้อครีมที่ขาววอก ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้หน้าลอยแล้ว ยังเป็นคราบขาวอีกด้วย ปัจจุบันมีครีมกันแดดสูตร Mineral หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Physical Sunscreens” เริ่มวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ด้วยสูตรที่ให้สัมผัสเบาสบาย กลมกลืนกับสีผิวได้อย่างเรียบเนียน และไม่มี “สารเคมี” ที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณและสิ่งแวดล้อม

3. “เรียวปาก” นุ่มชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
“ริมฝีปาก” เป็น “ผิวหนัง” ที่บางที่สุดบนใบหน้า ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลและการบำรุงผิวของริมฝีปากเป็นพิเศษ นอกจากการทา “ลิปบาล์ม” อย่างสม่ำเสมอแล้ว ล่าสุดยังมี “เซรั่ม” และผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการ “มาส์ก” รวมถึงการ “สครับ” ริมฝีปากให้คุณสาวๆ ได้ปรนนิบัติเรียวปากให้นุ่มสวยน่าสัมผัสอีกด้วย

4. สกินแคร์ต้าน “มลภาวะ”
ด้วยสภาพแวดล้อมทางอากาศที่มี “มลภาวะ” เป็นพิษมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย รวมถึงสุขภาพของผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์ประทินผิวหลายๆ แบรนด์จึงเริ่มให้ความสำคัญกับส่วนผสมหลักอย่าง “Antioxidants” ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากการทำลายของสภาวะแวดล้อม

5. “โทนเนอร์” ขั้นตอนที่ (เคย) ถูกมองข้าม
“โทนเนอร์” เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากที่สาวๆ เคยมองข้ามขั้นตอนนี้ไปเวลาที่บำรุงผิวในแต่ละวัน เพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่จากการให้ข้อมูลความรู้ของสื่อและแบรนด์ต่างๆ ทำให้สาวๆ เข้าใจถึงหน้าที่ของโทนเนอร์ และหันกลับมาใช้โทนเนอร์กันเป็นประจำมากขึ้น โดยที่โทนเนอร์นั้นไม่เพียงช่วยในการปรับ “pH Balance” ให้กับผิว แต่ยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อีกด้วย

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


เจาะ 5 เทรนด์ตลาด ดักโอกาสปี 2020

ในการทำตลาด “เทรนด์” เป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องจับยามสามตา เหลียวหลังแลหน้าแล้ววิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากรู้เห็นภาพรางๆก่อน ย่อมทำให้นักธุรกิจ กูรูการตลาด สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ได้ ขณะที่การพลาดเทรนด์ สะท้อนถึงการปรับตัวขององค์กรที่อยู่ในอัตราที่ “เชื่องช้า”กว่าการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้บริโภค ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรม ความต้องการไม่เหมือนเดิม สุดท้ายการปรับตัวไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ จะนำพาธุรกิจไปสู่ความล้มเหลวได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

1. Segmentation by Digital Insight หรือการแบ่งส่วนตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะไม่ใช่เป็นการแบ่งตามลักษณะประชากรศาสตร์ เพศ อายุ อาชีพ รายได้ ฯ อีกต่อไป แต่ “ความสนใจ” ของผู้บริโภค จะเป็นตัวกำหนดว่าแบรนด์จะทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซ็กเมนต์อย่างไร เพื่อตอบสนองความต้องการเชิงลึก(Insight) ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น ผู้สูงอายุ มีความสนใจพิเศษอยู่ภายในใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งเหล่านี้แบรนด์สามารถ “จับ” อินไซต์ได้ผ่านการแสดงออกบนสื่อออนไลน์ต่างๆ

2. Good Data / Smart Data ข้อมูลที่ดีที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างมากในการทำตลาด และการเก็บข้อมูลลูกค้าปริมาณมหาศาล(Big Data) Data mining การใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI)ต่างๆอย่างเดียวไม่ได้ เพราะข้อมูลที่มีมากมาย ควรจะต้องนำไปใช้งาน ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้ ย่อมดีมากกว่ามีข้อมูลเต็มไปหมด แต่ใช้งานไม่ได้

ข้อมูลเยอะ ไม่สำคัญเท่าข้อมูลที่ดี ข้อมูลที่ถูกต้อง” ทั้งนี้ ข้อมูลที่ดีและถูกต้อง ควรมีลักษณะสอดคล้อง(Relevant)ใช้กับธุรกิจและแบรนด์นั้นๆได้ และเป็นข้อมูลที่ Insightful

กรณีศึกษา เน็ตฟลิกซ์” ทำตลาดและโฆษณาช่วงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งจราจรติดขัด การไปเที่ยวสถานที่ต่างๆผู้คนหนาแน่น จึงชวนให้ดูซีรี่ส์ผ่านเน็ตฟลิกซ์ดีกว่า แต่หากมองความต้องการผู้บริโภคให้ลึกจะพบว่าการที่ยอมฝ่าจราจรติดขัด เบียดเสียด แย่งกันเที่ยว เพราะทุกคนไม่ต้องการเป็นมนุษย์ ตกขบวน หรือ Fear Of Missing Out : FOMO ไปเพราะต้องการแสดงออกว่าได้เป็นหนึ่งในคนที่ไปเที่ยวปีใหม่ ได้เคาท์ดาวน์ และอาจมองกลับกันว่าคนที่อยู่บ้าน อาจไม่มีที่ไป เป็น Loser สิ่งเหล่านี้ต้องวิเคราะห์เจาะลึกถึง Pain point ผู้บริโภคให้ถ่องแท้

และดาต้าท่ี่ดีต้องสร้างความ ได้เปรียบ” ในเชิงการแข่งขัน ดาต้าที่ได้มาคู่แข่งไม่มี หรือคู่แข่งมี แต่จับประเด็นนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้

3. Digital Social Responsibility : DSR เมื่อการใช้ดิจิทัลถึงจุดหนึ่ง การแสดงความรับผิดชอบบนโลกดิจิทัลต้องตามมาอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ หากเปรียบโลกออฟไลน์ มีการทำตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนเกิดกิจกรรมเพื่อสังคม(CSR) มีการตลาดสีเขียว(Green Marketing)มาตอบแทนสังคม บนโลกออนไลน์มีข่าวปลอม หลอกลวง(Fake News) การรังแกผู้อื่น(Bully) ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งตัวโป๊เปลือยเพื่อ Live ผ่านโชเชียลมีเดีย หรือแม้จะเชิญใครมาสัมภาษณ์ออกสื่อฯ ทั้งหมดต้องทำอย่างระมัดระวัง และรับผิดชอบบนโลกออนไลน์มากขึ้น

4. Customer insight Button วิเคราะห์หาความต้องการเชิงลึกที่เป็น “จุดเปลี่ยน” ของผู้บริโภคให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นความอยากรู้อยากเห็น(Curiosity) เพื่อหากลยุทธ์การตลาดเพื่อ “เปลี่ยน” พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เช่น การชกมวยทั่วไปผู้บริโภคไม่อยากชมแล้ว หากเป็น “ดารานักแสดง” มาชกมวย กลุ่มเป้าหมายสนใจมาก เป็นต้น

5. Life Line Economy ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจ ธุรกิจ ไม่สามารถอยู่บนแพลตฟอร์ม “ออหไลน์” หรือ “ออนไลน์” อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องเชื่อมโยงกัน เพื่อนำไปสู่การแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็น Sharing Economy หรือ Circular Economy

“ถ้าเข้าใจ life line ของผู้คนมากขึ้น ก็จะทำใหเ้เกิดการแบ่งปันกัน”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักการตลาด แบรนด์ต้องลุกขึ้นมาทำ คือเป็นผู้กำหนดเทรนด์ด้วยตนเอง ปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะนับวันความท้าทายมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ปีนี้นักการตลาดต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงตลาด ผู้บริโภค ต้องเป็นนักการตลาดที่ Agile เคลื่อนตัวเร็ว เคลื่อนไหวตลอดเวลา ต้องยืดหยุ่น(Resilence)ตามเหตุการณ์ ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะตัวหรือ Personalize มากขึ้น และรู้รอบด้าน ไม่ใช้รู้แค่ธุรกิจตัวเอง รวมถึงรู้ทั้งโลกออฟไลน์และออนไลน์ด้วย

ที่มา : bangkokbiznews.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สเต็มเซลล์ข้าว ปลุกกระแสนวัตกรรมข้าวไทย

สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น ผุดสเต็มเซลล์-สารสกัดโปรตีน-สารชำระล้างจากข้าว สร้างมูลค่าเพิ่มข้าวสารจาก กก.ละ 30 สู่ 30,000 บาท ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 400 ล้านบาท ด้านนักวิชาการ-พาณิชย์ชี้ช่องตลาดนวัตกรรมข้าวสร้างรายได้ปีละ 1 หมื่นล้าน
รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้วิจัยและพัฒนาสารสกัดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเวชภัณฑ์จากข้าว ซึ่งได้รับรางวัล Agri Plus Award เปิดเผยว่า บริษัทได้วิจัยพัฒนาโปรตีนสกัดจากข้าว หรือ rice peptides ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นการเกิดผม และสเต็มเซลล์จากข้าวชื่อ Ricallas ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์จากพืชชนิดแรกจากเดิมที่ในทางการแพทย์ทั่วไปมีการผลิตสเต็มเซลล์จากสัตว์ซึ่งมักก่อให้เกิดการแพ้ สเต็มเซลล์ข้าวนี้มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางแอนติเอจจิ้ง และกระตุ้นการงอกของผม สามารถจำหน่ายได้ในราคา กก.ละ 30,000-40,000 บาท สร้างมูลค่าเพิ่มจากเดิมที่ขายข้าวสารราคา กก.ละ 30-50 บาท

ก่อนหน้านี้บริษัทมีการพัฒนาและจดสิทธิบัตรนวัตกรรมจากข้าว RICCOSIDE ซึ่งเป็นสารชำระล้างที่ได้จากการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตจากข้าวมาเป็นน้ำตาล และนำมาทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะพร้าว สารดังกล่าวสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตแชมพู สบู่ น้ำยาล้างขนตาจากพืชทดแทนสารเคมี และสารให้ความชุ่มชื้น (MoistuRice) ช่วยทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 300-400 บาท

“ในเมล็ดข้าวมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบประมาณ 2% ซึ่งเราทดลองสกัดเปปไทด์จากข้าว สามารถเพิ่มมูลค่าจากที่เคยขายข้าวได้ กก.ละ 30-50 บาท หากนำสารสกัดโปรตีนนี้ไปใช้ผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง ขายได้เพิ่มเป็น กก.ละ 30,000-40,000 บาท ขณะที่ส่วนประกอบอีก 98% ของเมล็ดข้าวเป็นคาร์โบไฮเดรต เรานำมาย่อยเป็นน้ำตาลและทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะพร้าว พัฒนาเป็นสารชะล้าง ใช้ผสมในแชมพู น้ำยาล้างขนตา แทนการใช้สารเคมี ขายได้ กก.ละ 300-400 บาท และอยู่ระหว่างพัฒนาทำสเต็มเซลล์จากข้าว ได้ลดริ้วรอยได้ดี และยังช่วยลดอาการแพ้ต่าง ๆ จากสเต็มเซลล์จากสัตว์ ซึ่งหากสามารถพัฒนาต่อยอดก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าข้าวได้มากขึ้น”

ที่มา : prachachat.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


บุกตลาดอาเซียนด้วยธุรกิจความงามไทย

ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและดูแลตัวเองเพื่อให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ธุรกิจด้านความสวยความงาม และเครื่องสำอางต่างๆ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายต่อหลายแบรนด์ต่างพากันคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมงัดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย

ปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางไทย ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านรอบอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ผู้บริโภคของประเทศเหล่านี้ค่อนข้างให้ความเชื่อมั่นกับสินค้าไทย และกว่า 40% บนชั้นวางเครื่องสำอางของพวกเขาล้วนเป็นสินค้าที่มาจากประเทศไทยนั่นเอง

โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดความงามของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีนั้น เป็นเพราะผู้เล่นในตลาดมีการแข่งขันกันสูง ก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้ ผู้ผลิตในตลาดต่างก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้หลากหลาย แต่เทรนด์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องของความเป็นธรรมชาติ (Natural), การดูแลผิวอย่างอ่อนโยน, การลดริ้วรอย, การดูแลผิวหน้าให้ฉ่ำน้ำ รวมไปถึงเทรนด์ยอดนิยมอย่างผิวหน้าขาวใส (Whitening) ก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

นอกเหนือจากเทรนด์เหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งโจทย์ที่ผู้เล่นเริ่มหยิบเอามาสร้างสรรค์กันมากขึ้น นั่นคือ เทรนด์ Anti-Aging เพื่อรับกับการเข้าสู่ Aging Society ในประเทศไทย เพราะผู้บริโภคกลุ่มสูงวัยในยุคนี้ เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาดูแลตัวเอง รวมถึงใส่ใจบุคลิกกันมากกว่าเดิม

เปิดเกมรุกบุกตลาดเพื่อนบ้าน

สำหรับผู้ประกอบการเครื่องสำอางไทย ที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดต่างประเทศ คุณสรศักย์ ชัยสถาผล ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนพัฒนาหลักสูตรความรู้เฉพาะทาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) แนะนำว่า CLMV หรือกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่น่าสนใจ เนื่องด้วยเป็นประเทศที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้สูง โดยมี GDP เฉลี่ยถึง 7% ต่อปี นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้การยอมรับต่อสินค้าที่นำเข้าจากไทยค่อนข้างมาก สร้างโอกาสและแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการไทยได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ การจะเจาะเข้าไปในแต่ละประเทศนั้น ผู้ประกอบการควรทำการศึกษาวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงติดตามสถานการณ์ต่างๆ เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น ในกัมพูชา คนจะเน้นไปที่การเห็นผลแบบรวดเร็ว โดยกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางที่คาดว่าจะเติบโตสูง ได้แก่ ครีมบำรุงผิว แป้งทาหน้า รองพื้น ลิปสติก ในขณะที่เมียนมา คนจะมีความเชื่อเรื่องสมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมความงามออร์แกนิค ตลอดจนประเภทบริการสปา ซาลอนและคลีนิคเสริมความงาม ล้วนเป็นที่ต้องการของคนเวียดนาม เป็นต้น ดังนั้น หากแบรนด์ไทยหยิบจุดเด่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมุนไพรไทย สปา หรือวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติมาเป็นจุดขาย เชื่อว่าจะสามารถเจาะเข้าไปในตลาดเพื่อนบ้านได้มากขึ้น

ที่มา : www.smeone.info

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 ธุรกิจความสวยความงามน่าลงทุน

ความงามเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็หลงใหลและปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น เพราะความสวยงามเป็นเครื่องการันตีของการให้ความสำคัญความใส่ใจกับสิ่งๆนั้นเป็นอย่างดี สุขภาพ ก็เช่นกันที่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็ให้ความสำคัญไม่แพ้ความงามเลย เพราะปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน การใช้ชีวิต และกิจกรรมต่างๆในชีวิตเรียกได้ว่า เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง

ซึ่งเมื่อกล่าวถึงธุรกิจยอดนิยมที่ผู้คนให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคนักธุรกิจและคนที่อยากประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็มักมองหาและศึกษาธุรกิจที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือ ธุรกิจเพื่อสุขภาพ และธุรกิจเพื่อความงาม เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภค และผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และหากสินค้าได้รับความนิยม รวมถึงติดตลาดแล้วนั้น ช่องทางในการขยับขยาย ต่อยอดธุรกิจ มักจะมีโอกาสและแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าธุรกิจประเภทอื่นๆ ว่าแล้ว เราก็มาดูกันดีกว่า ว่ามีธุรกิจความงามและสุขภาพอะไรบ้างที่น่าสนใจ ทั้งยังควรค่าแก่การลงทุน ตาม SI มากันเลยค่ะ

1. ครีม / โลชั่นบำรุงผิว
ถึงแม้ว่าการมีผิวพรรณที่ดีนั้นจะมาจากกรรมพันธุ์เป็นส่วนหนึ่งแต่การบำรุงและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็ส่งผลให้ผิวพรรณของเรานั้นดีและสวยเช่นกัน ดังนั้นธุรกิจครีมและโลชั่นบำรุงผิว จึงเป็นธุรกิจที่สินค้าตอบโจทย์คนได้ทุกกลุ่ม โดยไม่จำเป็นว่าต้องดูแลเพื่อความสวยหรือมีผิวที่ขาว แต่การดูแลผิวโดยการทาครีมและโลชั่นนั้น เป็นการดูแลและปกป้องผิวจากอันตราย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ กล่าวได้ว่าธุรกิจครีมและโลชั่นบำรุงผิว จะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากคุณมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของสูตร และประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ

2. เครื่องสำอาง
คำกล่าวที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ยังคงใช้ได้ดีในทุกยุค ทุกสมัย เพราะเครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้า จะช่วยให้คนๆ นั้นงดงามขึ้นดูดีขึ้ และโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งการแต่งหน้าสามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกของคนให้ดูดีขึ้นได้ด้วย ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องสำอางและแต่งให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเลยทีเดียวกล่าวได้ว่า แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ได้เลือกใช้ความสวยงามของผู้หญิงมาเป็นจุดขายและจุดประกายให้ผู้หญิงเลือกที่จะแต่งหน้า เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ รวมถึงแบรนด์เหล่านี้ ต้องการให้ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนบุคลิกไปตามแต่ละรูปแบบได้ โดยผ่านการใช้เครื่องสำอาง ฉะนั้น ธุรกิจนี้จึงเติบโตได้เรื่อยๆเช่นเดียวกับธุรกิจครีม ที่คุณต้องมีการพัฒนาสินค้าตลอดเวลา

3. อาหารเสริม
เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมาแรง และกำลังได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ซึ่งอาหารเสริมนั้น ได้เข้ามามีบทบาทกับผู้คนในทุกแวดวง และขยายวงกว้างไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะธุรกิจอาหารเสริมสามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ และอาจไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีได้อย่างตรงจุด กล่าวได้ว่า การรับประทานอาหารเสริม จึงเปรียบเสมือนเส้นทางลัด และการบำรุงอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงเพื่อความสวยงาม การบำรุงเพื่อความแข็งแรง หรือทั้งสองอย่างพร้อมกัน “อาหารเสริม” ได้กลายมาเป็นคำตอบของทุกคำถาม ที่สามารถตอบได้ทุกความต้องการของลูกค้านั่นเอง ดังนั้น ธุรกิจนี้จึงได้รับความนิยม และการยอมรับในวงกว้าง เพราะมีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ อีกทั้งสินค้ายังมีหลากหลายด้วย

4. สปา นวด
นอกจากการดูแลผิวพรรณ และส่วนต่างๆในร่างกาย โดยใช้ครีมบำรุงแล้วนั้นการสปาและการนวด ก็ยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ช่วยดูแลผิวของคุณได้เช่นกัน ซึ่งการสปาและการนวด จะทำให้ผิวของคุณได้รับการปรนนิบัติอย่างอ่อนโยน คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว ราวกับว่าร่างกายและผิวได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่เลยทีเดียว ดังนั้น ธุรกิจร้านสปา ร้านนวด จึงเป็นธุรกิจบริการที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะคุณผู้หญิง รวมถึงชาวต่างชาติ ที่ชื่นชอบการนวดของคนไทยมาก เพราะฉะนั้น หากคุณจะเลือกทำธุรกิจนี้ ก็นับว่ามีความท้าทายไม่น้อยเลยค่ะ

5. สมุนไพร
ปัจจุบัน เราจะเห็นผลิตภัณฑ์มากมายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผิว และดูแลสุขภาพร่างกาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีค่อนข้างมาก และความปลอดภัยน้อย เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สมุนไพรเป็นส่วนผสมหลัก จึงมีประโยชน์และความปลอดภัยต่อผิว รวมถึงสุขภาพของคุณมากกว่า ซึ่งการนำสมุนไพรมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ก็มีหลากหลายมากด้วย เช่น สบู่ ยาสระผม ครีม/โลชั่นบำรุงผิว อาหารเสริม เป็นต้น และหากพูดถึงธุรกิจที่นำสมุนไพรมาใช้ในตัวสินค้า ก็อาจกล่าวได้ว่า มีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเพศ และอายุ ซึ่งคุณต้องลองวิเคราะห์ให้ดีเลยล่ะค่ะ

6. น้ำหอม
ธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม นอกจากครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง การทำสปาแล้ว ยังมีธุรกิจน้ำหอม ที่บ่งบอกถึงความสวยงามในรูปแบบต่างๆตามกลิ่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นเซ็กซี่เย้ายวน กลิ่นละมุนแบบกุลสตรี หรือกลิ่นสดชื่นแบบสาววัยใส ซึ่งจริงๆแล้วการทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอม อาจจะไม่ได้ยากนัก ด้วยกรรมวิธี ส่วนผสมที่ใช้ รวมถึงคู่แข่ง และหากคุณเป็นคนที่มีความรู้หรือความสนใจในด้านนี้ด้วยแล้ว ก็ต้องลุยดูล่ะค่ะ แต่ถ้าคุณไม่กล้าเสี่ยงขนาดนั้น การซื้อแฟรนไชส์น้ำหอม จากแบรนด์ดังมาขาย ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยนะ

7. อาหารคลีน
คงไม่ใช่ธุรกิจที่กำลังมาแรงแล้ว สำหรับธุรกิจอาหารคลีน แต่เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง หรือเรียกว่าฮอตฮิตติดลมบนเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราจะเห็นด้วยว่าปัจจุบันนั้น เทรนด์รักสุขภาพมาแรงมากๆ ดังนั้น กลุ่มลูกค้าสำหรับธุรกิจนี้ ก็คือกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ไม่มีเวลาทำอาหารทานเอง กลุ่มคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ต้องควบคุมการทาน รวมถึงกลุ่มคนรักการออกกำลังกาย ที่ต้องควบคุมปริมาณแคลอรี่ต่อวัน กล่าวได้ว่า เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้จากกลุ่มลูกค้าได้ดีทีเดียว

8. น้ำผลไม้
อีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพ และมาแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ “น้ำผลไม้” ซึ่งปัจจุบัน มีการนำผลไม้หลากชนิดมาผสมรวมกัน ให้เป็นสูตรต่างๆมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้คุณประโยชน์จากผลไม้หลายชนิดในแก้วเดียวด้วย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือการตลาดของร้าน ที่ได้พยายามพัฒนาสูตรให้มีความน่าสนใจ และดึงดูดลูกค้าด้วยน้ำผลไม้ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งการทำธุรกิจนี้ ไม่เพียงแค่ต้องขายผลไม้คั้นสด หรือคั้นแยกกากเท่านั้น แต่คุณต้องมีทางเลือกให้ลูกค้ามากกว่านั้นด้วย เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งนั่นเอง

9. ฟิตเนส
เรียกได้ว่าตอนนี้ เป็นยุคสมัยแห่งสุขภาพที่แท้จริง เพราะคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการออกกำลังกายกันมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากเหล่าบรรดาศิลปิน ดารา คนดังที่หันมาดูแล ใส่ใจในสุขภาพกันเป็นจำนวนมากด้วย ดังนั้น ธุรกิจฟิตเนส จึงสามารถตอบโจทย์ความสนใจเหล่านี้ได้ เพราะนอกจากจะมีเครื่องมือ และอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายแล้ว ยังมีคอร์สต่างๆให้ลูกค้าเลือกได้อีก ไม่ว่าจะเป็น คอร์สเต้น คอร์สโยคะ หรือการรับฝึกสอนแบบส่วนตัวหรือการจ้างเทรนเนอร์นั่นเองกล่าวได้ว่า เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมแบบสุดๆ

10. ชุดออกกำลังกาย
“ธุรกิจชุดออกกำลังกาย” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่ฮอตฮิตไม่แพ้ธุรกิจฟิตเนสเลยล่ะค่ะ เพราะนอกจากรูปร่างต้องดูดี สวยงามหรือหล่อเท่ห์แล้ว การแต่งกาย และแฟชั่นของเสื้อผ้า ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กันของคนในยุคนี้ค่ะ ซึ่งการใส่ชุดออกกำลังกายตามแฟชั่น จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ออก ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นด้วย เพราะนอกจากความสวยของชุดแล้ว คุณภาพเนื้อผ้า ความสบายเมื่อสวมใส่ ก็ต้องมีทิศทางไปทางเดียวกัน ฉะนั้น ธุรกิจนี้ จึงเติบโตควบคู่มากับธุรกิจฟิตเนสนั่นเองค่ะ

ที่มา : nouna.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน