ผิวสวยสั่งได้! ด้วย 6 วิตามินบำรุงผิว

การมีสุขภาพผิวที่ดีมีค่ายิ่งกว่าทองคำ สาวๆเห็นด้วยกันไหมคะ ก็จะไม่ให้พูดแบบนี้ได้ยังไง เพราะนี่คือเรื่อจริงที่ไม่ว่าสาวๆ ยุคไหน สมัยไหนก็ตามต้องใฝ่ฝันและถวิลหาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการมีผิวที่เนียนใส เปล่งปลั่งอออร่า และมีความเด้งดึ๋งยิ่งกว่าผิวเด็ก แต่ยุคนี้สมัยนี้จะดูแลให้ผิวสวย เนียนใส เป็นเรื่องที่ต้องขอบอกเลยว่ายากมากจริงๆ โดย เฉพาะสาวๆ วัยทำงาน ที่มีชีวิต Busy อย่างเราๆ นอกจากจะยังไม่มีเวลาแล้ว สภาพอากาศ และมลภาวะต่างๆ โดยเฉพาะมลภาวะสุดฮิต PM 2.5 ในบ้านเราที่เป็นตัวการให้ผิวของสาว ๆ หมดความสดใส รวมทั้งเป็นต้นตอของปัญหาด้านริ้วรอย จุดด่างดำ และอายุผิวที่ล้ำไปก่อนวัยอันควรอีกด้วย

การมีผิวสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เห็นด้วยมั้ยคะ เพราะยุคนี้ใครอยากมีผิวขาวใส เนียนสวย ก็สามารถจะทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือหากใครต้องการผิวใสเร่งด่วน อาหารเสริม วิตามินบำรุงผิวเป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจค่ะ วันนี้ SI มี 6 วิตามิน ที่จะช่วยสั่งผิวให้สวยได้ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันค่ะ

1. วิตามินซี สำหรับคนที่อยากมีผิวขาวใส 
วิตามินผิวยอดฮิตอย่าง วิตามินซี หลายคนคงรู้จักวิตามินตัวนี้เป็นอย่างดี วิตามินซีมีความสำคัญต่อผิวก็คือ ทำให้ผิวขาวดูกระจ่างใส และเป็นเกราะป้องกันผิวคล้ำเสียจากแสงแดดและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวของสาวๆเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สำหรับใครที่อยากเติมความเต่งตึงให้กับผิว เราขอแนะนำให้รับประทานวิตามินซี 1,000 มก.ต่อวัน หรือถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงให้ล้ำขึ้นไปอีกก็สามารใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีควบคู่กันไปด้วย เพราะจะทำให้ผิวหน้าหรือผิวกายของสาวๆ แลดูขาวใส สุขภาพดี

2. วิตามินอี สำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
วิตามินที่สำคัญไม่แพ้กันอย่าง วิตามินอี หนึ่งในแม่ทัพสำคัญเพื่อการดูแลผิวของสาวๆ โดยวิตามินอีมีบทบาทในการช่วยทำลายอนุมูลอิสระ เป็นมอยส์เจอไรเซอร์คอยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะสาวๆที่มีผิวแห้งกร้านควรรับประทานอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือให้ครีมดูแลผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอีให้บ่อยครั้งหรือเป็นประจำ นอกจากนี้ วิตามินอียังช่วยในการปกป้องริ้วรอยก่อนวัย และความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง ส่วนปริมาณที่ควรได้รับต่อวันอยู่ที่ 200 – 1,200 IU หรือประมาณ 135 – 800 มก.ต่อวัน ยิ่งถ้าหากรับประทานหรือใช้ควบคู่กับวิตามินซีก็จะยิ่งช่วยให้ผิวปังยิ่งขึ้น

3. วิตามินเค สำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ
ใครที่มีปัญหาผิวฟกช้ำ หรือใต้ตาคล้ำแนะนำ วิตามินเค ลองเปลี่ยนมารับประทาน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเคดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าแก้ปัญหาความคล้ำ กระดำกระด่างได้จริง โดยวิตามินเค ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการรักษาการแข็งตัวของเลือด โดยอาหารที่เป็นแหล่งรวมของวิตามินเคก็ได้แก่ กะหล่ำปลี ตับ นม ผักใบเขียว น้ำมันมะกอก เป็นต้น

4. วิตามินดี ช่วยป้องกันการเกิดสิว
มากันที่วิตามินที่มักจะถูกลืม อย่าง วิตามินดี น้อยคนอาจจะรู้ว่าวิตามินดีก็เป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับผิวที่สวยใส โดยแหล่งรวมที่หาง่ายที่สุดของวิตามินดีก็คือ แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ซึ่งผิวของเราสามารถสังเคราะห์ได้ แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ การสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย รวมทั้งครีมกันแดด จึงทำให้คนส่วนใหญ่ขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัว สำหรับวิตามินดีนั้น มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันปัญหาการเกิดสิว และการติดเชื้อต่างๆ ส่วนแหล่งรวมของวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น

5. วิตามินบี 3 ผิวขาวกระจ่างใส ลดการระคายเคือง
เอาใจคนที่ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากมีผิวกระจ่างใสกันบ้างกับ วิตามินบี3 วิตามินชนิดนี้ช่วยในเรื่องการกระจายเม็ดสีผิว การเร่งการผลัดเซลส์ผิว เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน รวมทั้งลดการสร้างเมลานิน จึงทำให้กระฝ้าจางลง และยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ป้องกันการสูญเสียน้ำได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดการระคายเคือง รอยแดงต่าง ๆ ให้จางลง ส่วนแหล่งรวมวิตามินบี 3 นั้นก็มีทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ครีมบำรุง อาหารประเภทโฮลวีท จมูกข้าวสาลี ไข่ ลูกพรุน เป็นต้น

6. วิตามินบี 5 ช่วยรักษาสิว ให้ผิวนุ่ม
ปิดท้ายกันที่ วิตามินบี 5 หรือที่เรียกกันว่ากรดแพนโทธีนิก อันที่จริงแล้วต้องบอกว่า วิตามินบี 5 พบได้ในปริมาณน้อยในอาหารชนิดต่างๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหายากหรือหาไม่ได้เลย โดยสามารถหาได้ในอาหารประเภท เนื้อไก่ ไต หัวใจสัตว์ ธัญพืชที่ไม่ได้ผ่านการขัดสี เช่น รำข้าว จมูกข้าวสาลี ส่วนทางด้านคุณสมบัติของวิตามินบี 5 นั้นสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการรักษาสิว ช่วยดูดซับความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก รวมทั้งเพิ่มความเนียนนุ่มให้ผิวน่าสัมผัส แต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าการใช้วิตามินบี 5 นั้น ควรรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม หรือครีมที่มีส่วนผสมจะดีที่สุด

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

ที่มา www.watsons.co.th


10 อาหารบำรุงสมอง ตัวช่วยป้องกันสมองเสื่อม

ใครที่เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ สมาธิสั้น ความจำสั้น เรียนรู้ได้ช้า นอนไม่ค่อยอิ่ม ต้องรีบหาอาหารมาบำรุงสมองโดยด่วน ขืนปล่อยไว้นานๆ มีสิทธิเป็นโรคความจำเสื่อมได้แน่ๆ ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดูแลสมองของเราได้ แล้วมีอาหารอะไรบ้างล่ะที่ช่วยบำรุงสมองได้ วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 10 สุดยอดอาหารบำรุงสมอง แถมยังช่วยเพิ่มความจำมาฝากกันค่ะ

1.ปลา จริงอย่างที่เขาว่ากันว่า กินปลาแล้วจะฉลาด โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลา ทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น พวกนี้เป็นอาหารที่ประโยชน์สูงสุดต่อสมองมาก หรือรับประทานน้ำมันปลาแทนได้

2.ผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี ได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี เชอร์รี จะช่วยเสริมสุขภาพสมอง ระบบหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ช่วยลดความดันโลหิตที่สูงให้สมดุล มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยเพิ่มความสามารถในการคิด และระดับไอคิวได้ดี ทั้งยังป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในฮิปโปแคมปัส ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความทรงจำ

3.ผักโขม ช่วยลดอาการความจำเสื่อมได้ โดยเฉพาะในผู้หญิง มีการวิจัยพบว่า หญิงวัยกลางคนที่รับประทานผักโขม ร่วมกับผักใบเขียวชนิดอื่นๆ เป็นประจำ จะช่วยลดอาการความจำเสื่อมไปได้ถึง 2 ปี ผักโขม มีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาท และเสริมความแข็งแรงตัวรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ทั้งยังมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำ ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย นักประสาทวิทยาแนะนำว่า ควรกินผักโขม อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะผักโขมที่ปลูกแบบออร์แกนิก ซึ่งไร้สารพิษตกค้าง

4.ไข่ เป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมอง โดยล่าสุดนี้พบว่า สารโคลินในไข่ไก่ จะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ

5.แครอท หากต้องการกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างสดชื่นแบบเร่งด่วน ควรรับประทานผลไม้สด โดยเฉพาะแครอทสด รับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นให้มีความจำที่ดีได้

6.พืชตระกูลถั่ว ไม่ว่าจะเป็น ฮาเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเมีย และวอลนัท ที่ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งถั่ว ล้วนเป็นแหล่งรวมโปรตีน มีไฟเบอร์สูง และมีไขมันดีมาก เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ช่วยทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ขณะที่โปรตีนและไขมันช่วยให้ร่างกายสมดุล สงบ ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีวิตามินอีที่สำคัญต่อกระบวนการคิดและจำ

7.อาหารประเภทธัญพืช เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงา เมล็ดแฟลกซ์ ที่มีโปรตีนสูง มีไขมันดี และวิตามินเอสูง ขณะเดียวกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเพิ่มสารอาหารกระตุ้นสมอง แมกนีเซียมทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี เต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร มีปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม รวมทั้งยังมีโอเมก้าสูง และจะดีมากหากรับประทานเป็นอาหารเช้า เพื่อเพิ่มพลังในวันใหม่

8.แอปเปิ้ล การดื่มน้ำแอปเปิ้ลวันละประมาณ 2 แก้ว หรือรับประทานแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ลูก มีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างสื่อประสาทใบสมองที่มีชื่อว่า “อะเซทิลโคลีน” ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสามารถเรียนรู้ในการจำ และการเรียนรู้ และยังเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมอง ส่วนฮิปโปแคมปัส จึงช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้

9.ช็อกโกแลต ช่วยกระตุ้นสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยระบบหมุนเวียนเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ ที่สำคัญช่วยพัฒนาความจำได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน และเซโทโรนิน ที่เป็นสารแห่งความสุขในสมอง ทำให้อารมณ์ดี โดยพกแท่งเล็กๆ ไว้ในกระเป๋าไว้กินเวลาว่าง เมื่อต้องการความสดชื่นจะช่วยผ่อน คลายสมองได้

10.แปะก๊วย เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลงๆ ลืมๆ จึงนิยมแนะนำให้ใช้เพื่อปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการกระทำงานและประสิทธิภาพของสมอง และยังมีการสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในรูปแบบวิตามินเพื่อบำรุงสมองอีกด้วย

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

ที่มา  www.dmh.go.th


อะเซล่าเชอร์รี่กับ 9 ประโยชน์จัดเต็ม

อะเซล่าเชอร์รี่ ประโยชน์ นอกจากความสวยงามแล้ว อะเซล่าเชอร์รี่ ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อรับประทาน เช่นกิน อะเซล่าเชอร์รี่ เพื่อบำรุงสุขภาพร่างกาย ป้องกันหวัด และยังสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับอาหารเสริมวิตามินอย่างอะเซโรลาเชอร์รี่ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก

ในกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา เพราะนอกจากจะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของอาหารเสริมอื่น ๆ โดยการช่วยดูดซึมให้เข้าสู่ร่างกายให้ดีมากยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. เสริมสร้างคอลลาเจน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจน
เนื่องจากอะเซโรลาเชอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง จึงช่วยเร่งการสร้างเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยและทำให้ผิวยังคงกระชับและยืดหยุ่นอยู่เสมอ

2. สมานผิวพร้อมลดเลือนริ้วรอย
ประโยชน์อีกอย่างประการหนึ่งของอะเซโรลาเชอร์รี่ต่อผิวหนังคือเป็นตัวช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง และกระทั่งช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหารได้ นอกจากนั้น น้ำจากเชอร์รี่ดังกล่าวสามารถใช้เป็นยาน้ำป้วนปากที่ทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพได้อีกด้วย

3. ปกป้องผิวจากมลภาวะ
การบริโภคอะเซโรลาเชอร์รี่เป็นประจำจะช่วยทำให้ผิวของคุณจะได้รับการปกป้องจากตัวทำให้เกิดความตึงเครียด จากสารเคมี (Chemical Stressor) อย่างควันบุหรี่ มลพิษ และสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้

4. เร่งการฟื้นฟูสภาพผิว

อะเซโรลาเชอร์รี่สามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูซ่อมแซมบาดแผล แผลไฟไหม้ แผลเป็น และกระทั่งรอยแตกลาย และยังมีไบโอฟลาโวนอยด์เป็นส่วนสำคัญในการชะลอการเสื่อมสภาพของผิวออกไป ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ยังช่วยต่อสู้กับรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ริ้วรอยร่องตื่น รอยตีนกา รอยใต้โหนกแก้ม จุดด่างดำ รอยหมองค้ำ ฯลฯ

5. ต่อต้านอนุมูลอิสระ

วิตามินซีที่มีอยู่มากใน Acerola Cherry ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวหนังของคุณจากการถูกทำลายได้ เนื่องจากอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงและถูกทำลายในที่สุด อีกทั้ง อนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถนำไปสู่การเจ็บป่วยและโรคเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้

6. ลดอาการภูมิแพ้
ช่วยลดอาการภูมิแพ้ รวมทั้งอาการแพ้ต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ โดยสามารถช่วยยับยั้งสาร ฮีสตามิน ซึ่งร่างกายได้ผลิตขึ้นมา หากร่างกายมีมากเกินไปจะทำให้มีอาการของระบบหายใจระคายเคือง ทำให้จาม และมีอาการมีน้ำมูกไหล ทำให้อะเซล่าเชอร์รี่สามารถช่วยดูแลได้ด้วยคุณภาพโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ

7. ปกป้องจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิว
ประโยชน์ต่อผิวหนังอีกประการหนึ่งของอะเซโรลาเชอร์รี่ คือ สามารถปกป้องคุณจากรังสียูวีได้ โดยปริมาณวิตามินเอในอะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยปกป้องผิวหนังของคุณจากรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายได้ เพราะหากคุณสัมผัสกับรังสียูวีมากจนเกินไปจะทำให้ผิวเสีย ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดนั้นจะนำไปสู่มะเร็งผิวหนังที่ไม่มีต้องการให้เกิดขึ้นได้

8. ทำให้ผิวชุ่มชื้น
สารอาหารต่างๆ มากมายในอะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยทำให้ผิวหนังของคุณอิ่มน้ำและคงความชุ่มชื้นไว้ได้ ไม่ว่าผิวของคุณจะเป็นประเภทใดก็ตาม

9. จัดการกับสิวและปัญหาผิวหนังอื่นๆ
วิตามินซียังมีประสิทธิภาพในการกำจัดสิวและแผลเป็น เพราะมันช่วยเร่งกระบวนการสมานแผลและการลดรอยแดงของร่างกาย และวิตามินซีนี้ยังช่วยลด Cortisol ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอีกด้วย

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ส้มยูซุกับ 15 คุณประโยชน์จัดเต็ม

ส้มยูซุ (Yuzu) เป็นผลไม้ในวงศ์ส้ม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus junos  ผลสีเหลืองอย่างเลมอน มีรสชาติคล้ายเกรปฟรุตและส้มแมนดาริน ส้มยูซุเป็นพืชที่ชอบแสงอาทิตย์ พื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นจะให้ผลผลิตส้มยูซุที่ดี รสชาติจะหวานกลมกล่อม แต่ถ้าเป็นส้มยูซุที่เติบโตในอากาศเย็นจะไม่ได้รสชาติที่หวานนักแต่มีกลิ่นหอมมากกว่า คนญี่ปุ่นนิยมนำส้มยูซุมาใช้แต่งกลิ่นและรสชาติอาหาร บ้างก็ใช้แค่ผิวส้มยูซุเพื่อทำให้อาหารมีกลิ่นหอมสดชื่นน่ากินมากขึ้น

Yuzu (ยูซุ)  ส้มชนิดนี้จะเป็นผลไม้ที่ปลูกในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น บริเวณชายฝั่งทะเล พบมากในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของส้มชนิดนี้คือ เม็ดใหญ่ ผิวขรุขระ ที่สำคัญคือเปลือกหนา เนื้อน้อย จึงเป็นส้มที่ไม่นิยมกินเนื้อ แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี ตรงที่เปลือกหนานั้นจะทำให้ส้ม มีน้ำมันผิวส้มเยอะมากเป็นพิเศษ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หอมมาก ไม่เหมือนส้มอื่นๆ อีกทั้งยังมีวิตามินและสารอาหารมากเป็นพิเศษ

– ส้มยูซุมีวิตามินซี ซึ่งมีสูงกว่ามะนาวถึง 3 เท่า
– ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น
– ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
– ส้มยูซุมีมีกรดซิตริคสูง สามารถป้องกันไวรัส ช่วยลดอาการหวัด ไอ เจ็บคอ และปวดศรีษะ
– ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคติดเชื้อได้
– ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
– ส้มยูซุประกอบด้วยสาร โนมีลิน (nomilin) ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง
– ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยในการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
– ช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใส
– ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ
– ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน
– ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจก
– ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
– ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
– ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือด

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

4 วิธีบำรุงขนตาให้งอนงามอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากคิ้วแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขนตาเป็นสิ่งที่เสริมเสน่ห์ความงามบนใบหน้า แล้วการมีขนตาที่ยาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่สาวๆ ใฝ่ฝัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ วิธีช่วยบำรุงขนตาให้งอนยาวสวยมาฝากกันค่ะ

1.ทานโปรตีน
การทานโปรตีนที่ช่วยในการบำรุงขนตาและเส้นผมนั้น ถือเป็นวิธีที่จำเป็นอย่างมากสำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบหรือจำเป็นต้องแต่งหน้าเป็นประจำ เพราะสารเคมีในเครื่องสำอาง มีผลต่อการทำให้ขนตาและผิวบนใบหน้าอ่อนแอได้ ดังนั้นจึงควรบำรุงขนตาด้วยการทานอาหารประเภทโปรตีน เพราะสารอาหารชนิดนี้จะช่วยให้ขนตาและเส้นผมมีความแข็งแรงนั่นเอง

2.ทาน้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติช่วยบำรุงขนตาให้สวยและยาวอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการใช้น้ำมันมะพร้าวเลย ขั้นตอนการทำง่ายๆ แค่เพียงใช้คัตตอนบัตจุ่มน้ำมันมะกอก แล้วทาบางๆ บริเวณปลายขนตาก่อนนอนทุกคืน ก็จะช่วยให้ขนตางอนยาวและเด้งสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้แล้วค่ะ

3.ทาน้ำมันละหุ่ง
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนว่า น้ำมันละหุ่งคือไอเท็มเด็ดของสาวอินเดีย ที่ช่วยให้สาวอินเดียมีขนตาที่ยาวสวยและเรียงรายเป็นแพอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากมีขนตาสวยดกดำและยาวเป็นธรรมชาติแบบสไตล์สาวอินเดีย แนะนำให้ใช้น้ำมันละหุ่งทาบริเวณขนตาก่อนนอนทุกคืน

4.ทาวาสลีน
กระเป๋าเครื่องสำอางของสาวๆ ต้องมีวาสลีนอยู่แน่นอน เพราะถือเป็นไอเท็มเด็ดที่ช่วยบำรุงได้สารพัดอย่าง จะปากแห้งผิวแห้งก็แค่ทาวาสลีน สักพักผิวก็กลับมานุ่มชุ่มชื้นเหมือนเดิม เช่นเดียวกันกับการบำรุงขนตาให้ยาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถใช้วาสลีนมาทาตั้งแต่บริเวณโคนไปจนถึงปลายขนตาก่อนนอนทุกคืนได้เลย รับรองว่าวิธีนี้ดีไม่แพ้วิธีอื่นๆ เลยทีเดียว

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

ไฮยาลูรอนกับคอลลาเจนต่างกันอย่างไร

ไฮยาลูรอน  คำที่สาวๆ ทั้งหลายต้องคุ้นหูกันอย่างแน่นอน เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเจ้า “ไฮยาลูรอน” ถึงได้รับความนิยมมากมายขนาดนี้ แล้วแตกต่างคอลลาเจนอย่างไร และหากใช้มากเกินไปจะมีผลข้างเคียงอย่างไร วันนี้ SI จะพาทุกคนมาหาคำตอบกันค่ะ

“ไฮยาลูโรนิค” กับ “คอลลาเจน” ต่างกันอย่างไร
“คอลลาเจน” คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ เปรียบได้ว่าเป็นส่วนสปริงของผิวหนัง ในการสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ จึงช่วยเสริมความเรียบตึงของผิวหนัง และทำให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม “คอลลาเจน” มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก จึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา เหมือนครีม สกินแคร์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจาก “กรดไฮยาลูโรนิค” ที่มีรูปแบบโมเลกุลที่หลากหลาย สามารถซึบซาบเข้าถึงชั้นผิวได้แตกต่างกันตามรูปแบบโมเลกุล จนสามารถสร้างผิวที่มีความชุ่มชืน นุ่ม ดูอิ่มน้ำ และลดริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างล้ำลึก

อันตรายหรือไม่ที่ใช้ “ไฮยาลูโรนิค” มากเกินไป?
“กรดไฮยาลูโรนิค” นั้นจริงๆ แล้วค่อนข้างปลอดภัยต่อผิวพรรณของสาวๆ แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นการใช้ “ไฮยาลูโรนิค” ก็ควรอยู่ภายใต้การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ที่สำคัญสาวๆ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองด้วย เพื่อช่วยลดอัตราความเสี่ยงของอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง เพราะสำหรับบางคนก็อาจเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงได้ เช่น รอยแดง คันระคายเคือง มีผื่นขึ้น อันนี้ควรหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


9 อาหารบำรุงผิว บอกลาริ้วรอยก่อนวัย

ผิวสวยสุขภาพดีใครก็อยากเป็นเจ้าของ และจะดีกว่ามั๊ยถ้าผิวที่สวยนั้นมาจากภายใน ปัจจัยที่ทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใสสุขภาพดีนั้นได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และที่ขาดไม่ได้คือ อาหารบำรุงผิว ใครไม่อยากแก่ มีริ้วรอย ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส ตาม SI มาดู 9 อาหารบำรุงผิวกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

1. มะเขือเทศ
นอกจากในมะเขือเทศจะมีสารไลโคปีน ที่มีวิตามินหลายหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินเค วิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งช่วยลดฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำแล้ว ยังมีเบตาแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปกป้องผิว จากรังสี UV ป้องกันไม่ให้แสงแดดมาสร้างความเสียหายให้กับผิว ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย ต้านการอักเสบของผิว แถมยังช่วยให้ผิวดูขาว เปล่งปลั่ง และกระจ่างใสอีกด้วย

2. ปลาทะเล
โดยเฉพาะปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งมีอยู่ใน ปลาแซลมอล ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีน ปลาทูน่า โอเมก้า และ คอลลาเจนในปลาเหล่านี้ จำเป็นต่อผิวพรรณของสาว ๆ มาก เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และลดการอักเสบ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุอย่างสังกะสี ที่ช่วยกำจัดสิว และ อาการระคายเคือง บำรุงผิวให้เต่งตึง ดูสดใส และมีออร่าจากภายในได้

3. ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ
เช่น ถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วแดง เมล็ดทานตะวัน และอัลมอนด์ ที่มีเบต้าแคโรทีน กรดไขมันโอเมก้า 3 สังกะสี วิตามินอี และวิตามินบี 12 ที่ต่างก็ช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ และปกป้องผิวจากรังสี UV รวมถึงแร่ธาตุ และ วิตามินอื่น ๆ อย่าง วิตามินบี ซีลีเนียน และวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีเลยละ

4. โยเกิร์ต
ในโยเกิร์ตนั้นอุดมไปด้วยโปรไบโอติกที่มีชีวิต ช่วยให้ผิวของสาว ๆ ดูอ่อนเยาว์ได้ ด้วยการลดความระคายเคือง และ สิว ต่อสู้กับแบคทีเรียในลำไส้ รวมถึงช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณของสาวๆ ดูผ่องใสขึ้น

5. น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเองก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน และสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียได้ รวมถึงมี Humectant ซึ่งจะทำการดึงดูดน้ำ และความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว สาว ๆ หลายคนชอบใช้น้ำผึ้งมาส์กหน้า แต่การทานน้ำผึ้งเป็นประจำ ก็ช่วยบำรุงผิวอีกทางได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังมีวิตามินบี วิตามินซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยบำรุงผิว สามารถทานบรรเทาอาการไอคู่กับมะนาว และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ด้วย

6. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
อาหารเพื่อผิวพรรณ บำรุงผิว สมานผิว เช่น แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และสตรอว์เบอร์รี ต่างก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยบรรเทาไข้หวัด และสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ผิว และปกป้องผิวจากรังสี UV รวมถึงช่วยกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวพรรณดูขาว ใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย และยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิว ริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำด้วยนะ เรียกว่าเป็น อาหารบำรุงผิว ที่แท้ทรู

7. เบต้าแคโรทีน
เบต้าแคโรทีน คือ ผัก และ ผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง และแดง อย่างแครอท ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน แตงโม แคนตาลูป มะละกอสุกนั่นเอง รวมถึงผักที่มีสีเขียวหลายชนิดด้วย เช่น บล็อกโคลี่ มะระ ผักบุ้ง คะน้า เป็นต้น

เบต้าแคโรทีน มีคุณสมบัติเรื่องการบำรุงสายตา ช่วยเรื่องการมองเห็นในที่มืด ทำให้สาว ๆ สามารถมองเห็นได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ผิวสวยขึ้น เพราะ เบต้าแคโรทีนช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ไปพร้อม ๆ กันเลย

8. นมถั่วเหลือง
แหล่งโปรตีนชั้นดีที่สาว ๆ ขาดไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีช่วยในการซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอแล้ว นมถั่วเหลืองยังมีสารไอโซฟลาโวน ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว สารนี้จะเปลี่ยนเป็น ไฟโตรเอสโตรเจน ซึ่งมีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้ผิวดูข่าวกระจ่างใสขึ้น แถมถ้าดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำ ยังทำให้ผิวนุ่มเนียนขึ้นมาได้ด้วยนะ ลองดื่มดูสิ

9.การดื่มน้ำเปล่า
ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ผิวของสาว ๆ ดูชุ่มชื้นขึ้น เปล่งปลั่ง เนียนนุ่ม น่าสัมผัส และยังช่วยขับสารพิษ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ฝ้า กระ ทำให้ผิวหมองคล้ำ ออกจากร่างกาย และทำให้สาว ๆ รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ๆ ทำให้เปล่งปลั่งจากภายในอย่างแท้จริง

ที่มา : www.gedgoodlife.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


เคล็ดลับ! กลับมาสวยปังหลัง WFH

ตอนนี้สถานการณ์ เชื้อไวรัสโควิด 2019 หรือ COVID-19 เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี หลายๆ คนเริ่มกลับมาทำงานกันตามปกติ วันนี้ SI มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้สาวๆ กลับมาดูดีเริ่มต้นทำงานกันอีกครั้ง มาฝากกันค่ะ

1. มาส์กหน้าใส

สิ่งแรกที่ทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน นั่นคือ การหยิบเอาแผ่นมาส์กหน้าที่ซื้อตุนไว้ หรือจะลงทุนทำมาส์กเองด้วยวัตถุดิบจากก้นครัวก็ยิ่งดี ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว กำจัดสิ่งอุดตันที่สะสมอยู่บนหน้า เแถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายหน้า บอกเลยว่าสาวๆ สามารถมาร์กวันเว้นวันได้เลยทีเดียว

2. สครับผิวตัวเพิ่มออร่า

มาส์กหน้าแล้วอย่าลืมก็อย่าลืมหาสครับดีๆ เนื้อละเอียด มาสครับตัวด้วยนะคะ กำจัดพวกขี้ไคล ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว บริเวณผิวตัว รักแร้ และผ่าเท้า หลังเท้า เตรียมเผยผิวใหม่อย่างสดใส หมั่นทำบ่อยๆ เช่นเดียวกับมาส์กหน้า รับรองใครก็ตามที่เห็น ต้องตกตะลึง!

3. ทำสีผมสวยๆ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่สาวๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด คือการทำสีผมสวยๆ ถึงแม้จะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ใช่ว่าไม่ใครเห็น หันมาถ่ายรูปลงโชเชียลแทน ก็ไม่ผิดกฏอะไรนี่จ๊ะ จริงไหม?

4. บำรุงเส้นผมให้เงาวับ

เมื่อได้สีผมสวยๆ ตามต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม ด้วย เซรั่มบำรุงผมทรีทเม้นท์จากธรรมชาติหรือแบบพร้อมใช้ ก็มีให้เลือกมากมาย ว่าแล้วรีบโหลดแอพ สั่งออนไลน์ด่วนๆ

5. บำรุงริมฝีปาก

ก่อนหน้านี้เชื่อว่าสาวๆ แต่ละคน ประโคมเมคอัพสวยๆ แน่นๆ พบปะผู้คนในที่ต่างๆ โดยเฉพาะลิปสติกที่ต้องทาทุกชั่วโมง ทำให้ริมฝีปากลอก แห้ง มีสีคล้ำ รีบจัดการบำรุงริมฝีปากซะตอนนี้สิคะ หมั่นทาลิปบาล์ม ทุกวันหรือ ลิปมาส์ก ในตอนกลางคืนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้ริวฝีปากกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

6. ฝึกทาเล็บ

ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนให้เสียสตังค์ เพราะตอนนี้อุปกรณ์ทำเล็บ และขั้นตอน ลวดลายแบบต่างๆ มีให้เรียนผ่านออนไลน์มากมาย อาจจะไม่สวยเป๊ะเหมือนทำที่ร้านทำเล็บ แต่เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ เชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ สู้ๆ

7. อัพสกิลแต่งหน้า

เรียกว่ามีเวลาถมเถที่จะหยิบเอาเมคอัพที่เก็บไว้ในคลังในลิ้นชัก มาอัพสกิวการแต่งหน้า ด้วยโทนสีต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เป๊ะพอ งานนี้ไม่แน่อาจได้เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งก็ได้ ใครจะไปรู้

8. นอนให้เต็มอิ่ม

จากที่ต้องรีบตื่นแต่เช้า ทำงาน กว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองสามทุ่ม สาวๆ มีเวลาเหลือเฝือที่จะจัดการอะไรต่างๆ ในแต่ละวัน และหันมานอนเร็วขึ้น เพราะการได้นอนเต็มอื่มอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จะช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้กลับมาสดใสในตอนเช้า มีเรี่ยวแรงทำอะไรสนุกๆ ได้ทั้งวัน

9. ทานอาหารที่มีประโยชน์

ช่วงนี้สาวๆ ควรเน้นทานอาหารดี มีประโยชน์ ครบทั้ง 3 มื้อ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ อาหารปรุงสุกใหม่ๆ เพื่อชดเชยก่อนหน้านี้ที่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน บางวันไม่ได้ทานมื้อเช้า ไปอัดอีกทีในมื้อดึก นอกจากไม่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ขาดสารอาหาร อีกด้วย

10. ฟิตหุ่นกันเถอะ
ใครที่อยากออกกำลังกายแต่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ช่วงนี้เป็นช่วงที่สาวๆ สามารถฟิตหุ่นง่ายๆ ได้ที่บ้าน ด้วยการเปิดยูทูป หาคลิปออกกำลังกายเอ็กเซอไซด์ อาทิ โยคะ วิ่งบนลู่ คาร์ดิโอ เต้นซุมบ้า ถ้าจะให้ดีชวนสมาชิกในบ้านมาออกกำลังกายด้วยกัน สนุกกว่าเดิมแน่นอน

ที่มา : www.beautyhunger.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

คอลลาเจน ใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนกันก่อน จริง ๆ แล้วคอลลาเจนมีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วนั่นแหละ เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในกระดูก กระดูกอ่อน เอ็นกล้ามเนื้อ ขน เส้นผม และเนื้อเยื่อ ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่คอลลาเจนจะเริ่มเสื่อมสลายไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผม ผิว และกระดูกข้อต่อเราเริ่มไม่แข็งแรง การกินอาหารเสริมคอลลาเจนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายให้กลับคืนมา จริง ๆ แล้วคอลลาเจนมีมากกว่า 16 ชนิด แต่หลัก ๆ ที่จำเป็นก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จัก 4 ชนิดของคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย ไปดูกันค่ะ

Collagen Type 1 หรือคอลลาเจนประเภทที่ 1 ที่พบได้ที่ชั้นหนังแท้ เอ็น พังผืด เนื้อกระดูกแข็ง พบได้เฉพาะในสัตว์ชั้นสูงเท่านั้น ฉะนั้นการกินคอลลาเจนประเภทนี้จึงช่วยเรื่องผิวเน้น ๆ ค่ะ

Collagen Type 2 ตัวนี้นี่แหละค่ะที่สำคัญกับกระดูกข้อต่อ เพราะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่ ช่วยลดอาการปวดข้อ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้สะดวก การกินคอลลาเจนประเภทนี้จึงช่วยเรื่องข้อโดยตรง

Collagen Type 3 ตัวนี้ก็ส่งเสริมการทำงานบนผิวเช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า เนื่องจากว่าตัวเขาจะอยู่ในเฉพาะผิวใหม่ ผิวเด็ก ผิวที่เป็นแผลที่สร้างใหม่เท่านั้นเอง

Collagen Type 4 ส่วนตัวนี้จะพบได้ในเส้นใยฝอยของเยื่อบุผิวแผ่นบาง ๆ ในบริเวณนอกเซลล์

แล้วใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก ดังนั้นคอลลาเจนไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ส่วนครีมต่างๆ ที่มีขายตามท้องตลาดที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ก็จะเป็นการผลักคอลลาเจนให้อยู่ได้แค่ชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น แต่เนื่องจากคอลลาเจนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักตัวมันจึงทำให้ผิวหนังกำพร้าชุ่มชื้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างแท้จริง เพราะการเสริมสร้างคอลลาเจน จะต้องเข้าสู่ด้วยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังและการรับประทาน โดยในขณะที่การฉีดจะเสริมคอลลาเจนนั้นก็ได้เพียงเฉพาะที่เท่านั้น เพราะอย่างนั้น “การรับประทานน่าจะเป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุด”

ที่มา : www.wongnai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

สิวบุกเพราะแมส แก้ไขได้ด้วยทริคง่ายๆ

หน้ากากอนามัย ไอเทมที่ต้องมีติดตัวในช่วง COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ระบาด แต่ปัญหาผิวที่ตามมาคือ ใส่หน้ากากอนามัยแล้วสิวขึ้น ระคายเคือง เป็นผื่น เป็นเพราะอะไรและควรทำอย่างไรดี

จากการระบาดของ COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ในเร็ววันนี้ ทำให้ชีวิตประจำวันของสาว ๆ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันเกือบตลอดเวลา เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ แต่การสวมหน้ากากอนามัยทุกวันเป็นประจำนี่เอง ใบหน้าของเราจึงต้องสัมผัสกับหน้ากากอยู่บ่อย ๆ ทำให้หลายคนมีปัญหาผิว สิวเยอะขึ้น ระคายเคือง คัน และมีผื่นแดงตามมา เป็นเพราะสาเหตุอะไรและจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากอนามัย

ขณะที่เราสวมใส่หน้ากากอนามัย จะเกิดการเสียดสีระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า ทำให้ผิวระคายเคือง เกิดเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ รวมถึงตุ่มหนองขนาดเล็ก ๆ ขึ้นมาได้ และการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ๆ ยังทำให้ผิวภายใต้หน้ากากอบไปด้วยความร้อน เหงื่อ และละอองน้ำ ก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และผิวอุดตันได้ง่าย ซึ่งเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

2. อาการคันและผื่นแดงจากการใส่หน้ากากอนามัย

อาการคัน และเป็นผื่น อาจจะเกิดขึ้นบริเวณขอบหน้ากาก แก้ม ปาก คางและจมูกก็ได้ ส่วนใหญ่เกิดจากการระคายเคือง เช่น การกดทับ การขยับไป-มา มากกว่าเกิดจากการแพ้สัมผัสจากส่วนประกอบของหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ จากข้อมูลงานวิจัยในช่วงนี้มีการระบาดของโรค SARS ระหว่างปี ค.ศ. 2002-2004 พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ 35.5% มีปัญหาผิวจากการใช้หน้ากากชนิด N95 อย่างต่อเนื่อง โดย 59.6% เป็นสิว, 51.4% มีอาการคันหน้า และ 35.8% มีผื่นที่ใบหน้า (ใน 1 คนอาจมีหลายอาการได้) ซึ่งในจำนวนนี้ พบคนที่ใส่ N95 ส่วนหนึ่งแพ้สารฟอร์มาลดีไฮด์ที่อยู่ใน N95 นั่นเอง แต่คนที่ใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดายังไม่พบว่ามีการแพ้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากรายงานกรณีแพทย์ที่มีผื่นแพ้สัมผัสจากหน้ากากอนามัย โดยมีอาการผื่นคันที่หน้าผาก เปลือกตา และแก้ม ซึ่งเป็นหลังจากช่วงที่เข้าห้องผ่าตัด และอาการผื่นดีขึ้นในช่วงวันหยุดที่ไม่ได้ผ่าตัด เคสนี้ได้ทดสอบการแพ้ พบว่าแพ้สารไทยูแรม (Thiauram) ซึ่งพบว่าอยู่ในส่วนที่เป็นสายคล้องหูของหน้ากากนั่นเอง

ดังนั้น หากเกิดอาการคัน เป็นผื่น จากการใส่หน้ากากอนามัย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าแพ้หน้ากากอนามัย เพราะเคสผื่นแพ้สัมผัสแบบนี้เจอได้น้อยมาก ส่วนเรื่องการทดสอบการแพ้ (Patch test) ก็สามารถทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกคน

เทคนิคลดปัญหาผิว จากการใส่หน้ากากอนามัย

วิธีใส่หน้ากากอนามัยแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยลดปัญหาผิว ทั้งสิว ผื่นคัน และอาการแพ้ สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อลดโอกาสเสื่ยงจากการเกิดสิว จึงควรล้างหน้าให้สะอาดมากขึ้น ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิว รีเช็กการทำความสะอาดขั้นตอนสุดท้ายโดยใช้โทนเนอร์เช็ดที่ผิว จนกว่าจะไม่มีคราบบนสำลี และควรล้างหน้าเมื่อมีเหงื่อออกมาก โดยไม่ต้องขัดหรือสครับผิวหน้า

2. งดแต่งหน้า ถ้าจำเป็นต้องแต่งจริง ๆ ให้เว้นใบหน้าครึ่งล่างไว้ แต่งเฉพาะครึ่งบนได้

3. เลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่ทำให้อุดตันหรือเป็นสิว วิธีง่าย ๆ คือให้สังเกตตรงฉลากจะมีคำว่า Oil-free, Non-comedogenic, Non-acnegenic, Won’t clog pore เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศร้อน ที่มีผู้คนแออัด

5. ถอดหน้ากากอนามัยออกบ้าง เวลาที่อยู่คนเดียว หรืออยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และผู้คนไม่พลุกพล่าน

6. หาทิชชูสะอาดบาง ๆ คั่น ระหว่างหน้ากากอนามัยกับใบหน้า

7. เปลี่ยนหน้ากากอนามัยอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ

8. กินยาแก้แพ้ แก้คัน ช่วยลดอาการคันได้ ถ้าไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

9. ถ้าเป็นสิว ทายาแต้มสิวได้ ถ้าเป็นเยอะหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เช่นกัน

10. ระวังไม่ให้เส้นผมเข้าไปในหน้ากากอนามัย เพราะความมันจากเส้นผมก็เป็นสาเหตุของสิวได้

11. ไม่ควรลองใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางใหม่ ๆ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ของใหม่

12. ทำความสะอาดพัฟหรือแปรงแต่งหน้า สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

13. เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ควรซักและเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าจะให้ดี เปลี่ยนสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็ได้

14. ลดสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นสิว เช่น ไม่จับหน้าบ่อย ๆ ไม่นอนดึก ไม่กินของหวาน ๆ

รู้แบบนี้แล้ว สาว ๆ ก็ลองนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการใส่หน้ากากอนามัยของตัวเองกันดู และอย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าหลังถอดหน้ากากอนามัยกันด้วยนะคะ คราวนี้การใส่หน้ากากก็จะไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้หน้าพังอีกแล้ว ถึงไวรัสจะมา แต่หน้าเราต้องรอด

ที่มา : เฟซบุ๊ก Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน