9 ประโยชน์การออกกำลังกาย ฉบับผู้สูงวัย

แม้ร่างกายของผู้สูงอายุอยู่ในภาวะเสื่อมถอย ไม่แข็งแรงเหมือนดังเดิม แต่ลูกหลานก็ไม่ควรห้ามผู้สูงอายุทำงาน ห้ามทำกิจกรรมที่มีการออกแรง หรือให้ท่านอยู่เฉยๆ การไม่ออกกำลังกายเลยจะส่งผลให้ร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติการ ออกกำลังกายที่เหมาะสม การเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอจะช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายยังคงทำหน้าที่ได้อย่างปกติและเสื่อมช้าลง

ประโยชน์ 9 ข้อ ที่ผู้สูงอายุได้รับจากการออกกำลังกาย

1.ชะลอความแก่ ทำให้กระฉับกระเฉง

2.ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานปกติ ไม่เจ็บป่วยง่าย

3.ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรค ความดันโลหิตสูง

4.ช่วยคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป

5.ป้องกันโรคเบาหวาน เพราะฮอร์โมนอินซูลินออกฤทธิ์ดีขึ้น

6. กล้ามเนื้อประสานงานดีขึ้น ช่วยในการทรงตัว ลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม

7.การทำงานของระบบทางเดินอาหารดีขึ้น ทั้งการย่อย และการดูดซึม สารอาหาร

8.คลายเครียด ลดความวิตกกังวล หายจากอาการหดหู่ซึมเศร้า

9.นอนหลับสบาย

ที่มา : thaihealth.or.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินดีตัวช่วยเรื่องเบาหวาน

วิตามินดี หรือที่รู้จักกันแพร่หลายว่า “วิตามินจากแสงอาทิตย์” มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพกระดูก คอเลสเตอรอล และความดันโลหิตของคุณ นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลกระทบสำคัญที่ วิตามิน ดี ส่งผลต่ออินซูลินและกลูโคส และสามารถเชื่อมโยงถึงโรคต่อมไร้ท่อหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความเชื่อมโยงกันระหว่าง วิตามิน ดี กับ เบาหวาน เป็นอย่างไร วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันไปดูกันได้เลยค่ะ

วิตามิน ดี คืออะไร

วิตามิน ดี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน โดยที่คุณสามารถดูดซึมได้จากอาหารหรือผลิตขึ้นจากร่างกายของคุณ หากคุณได้รับแสงแดด เมื่อผิวหนังของคุณสัมผัสกับแสงอัลตร้าไวโอเลต บี ร่างกายจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นวิตามิน ดี นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ตัวรับโปรตีนวิตามิน ดี ถูกอัดแน่นอยู่ในเซลล์และเนื้อเยื่อทั้งหมด

การดูดซับวิตามิน ดีมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ แต่การขาดวิตามิน ดี สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย เหมือนที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิตามิน ดี และโรคเบาหวานประเภทที่ 2 สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมจำนวนตัวเลขของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในประเทศแถบยุโรปมีมากกว่าประเภทอื่น เนื่องจากภาวะขาดวิตามิน ดี ที่เป็นผลมาจากหลายๆปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือการไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ

จะหาวิตามิน ดี ได้อย่างไร

คุณสามารถกระตุ้นร่างกายคุณให้ผลิตวิตามิน ดี มากกว่านี้ได้ โดยการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลา 15-20 นาทีต่อวัน

อย่างไรก็ตาม การสัมผัสกับแสงแดดไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อการผลิต วิตามิน ดีของร่างกายสำหรับบางคน ดังนั้น บางคนอาจเลือกบริโภคอาหารเสริมวิตามิน ดี แทน

การบริโภคอาหาร ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นประโยชน์ แม้ประสิทธิภาพจะน้อยกว่า 2 วิธีแรกก็ตาม คุณสามารถเพิ่มอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน ดี เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ไขมันปลา เต้าหู้

ผลกระทบต่อเบาหวาน

อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยประสิทธิภาพของวิตามิน ดี ร่างกายสามารถพัฒนาการตอบสนองต่ออินซูลิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการต้านอินซูลิน ซึ่งมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2

วิตามิน ดี ยังเชื่อกันว่าช่วยสนับสนุนการควบคุมการผลิตอินซูลินในตับอ่อน

ระดับที่เหมาะสมของวิตามิน ดี ควรอยู่ระหว่าง 20-56 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร หากมีระดับต่ำกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ตุณอาจประสบกับภาวะขาด วิตามิน ดี

แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบว่า เมื่อจำนวนวิตามิน ดี ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงถึง 60-80 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร จะสามารถควบคุมระดับกลูโคสในเลือดได้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

ประโยชน์อื่นๆ
น้ำหนักลดลง หลายๆ งานวิจัยเปิดเผยว่า คุณประโยชน์ที่ดีของวิตามิน ดี ช่วยลดระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ได้ สามารถส่งเสริมการลดน้ำหนักได้ในระยะยาว และลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับ โรคเบาหวานประเภทที่ 2
วิตามิน ดี จะเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพกระดูก ด้วยการดูดซึม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแร่ธาตุ ทำให้มีสุขภาพกระดูกที่ดี

ที่มา : hellokhunmor.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


7 พฤติกรรมทำร้าย “ไต” แม้ไม่ได้กินเค็ม

พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เป็นสิ่งสำคัญที่อาจทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอาหารการกิน การใช้ชีวิต การทำงาน ความเครียด ฉะนั้น ลองมาดูกันดีกว่าว่า 7 พฤติกรรมแบบไหนที่อาจทำร้าย “ไต” ของเราได้ คนส่วนใหญ่มักเข้าใจกันว่าสาเหตุของการเกิด ‘โรคไต’ นั้นมาจาการกินอาหารที่มีรสเค็มจัดเพียงอย่างเดียว แต่รู้หรือไม่ว่าการกินอาหารที่มีรสหวาน หรืออาหารมัน บวกเข้ากับพฤติกรรมของคนโดยเฉพาะคนเมืองที่ทำงานหนัก มีความเครียด ซ้ำยังไม่ชอบออกกำลังกาย มักกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมาก ทำงานหนัก นอนดึกตื่นเช้า ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงที่เป็นตัวตั้งต้นของโรคไต SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

1. ทานอาหารรสจัด

ไม่ใช่แค่รสเค็มจัด แต่อาหารรสจัดรวมไปถึง อาหารหวานจัด เผ็ดจัด หรือแม้กระทั่งมันจัด อาหารรสจัดทำให้ไตทำงานหนักขึ้น จึงมีส่วนทำให้เป็นโรคไตได้เช่นเดียวกันกับอาหารรสเค็ม

2. ไม่ออกกำลังกาย

การไม่ออกกำลังกายเป็นสาเหตุของหลายๆ โรค ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ไขมันอุดตันเส้นเลือด ไขมันพอกตับ เส้นเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และอื่นๆ รวมไปถึงโรคไตด้วยเช่นกัน

3. ดื่มน้ำน้อย หรือมากเกินไป

การดื่มน้ำน้อยเป็นสาเหตุของหลายๆ โรคเช่นกัน (อ่าน 6 โรคร้ายถามหา ถ้า “ดื่มน้ำน้อย”) รวมไปถึงโรคไตด้วย เพราะไตฟอกของเสียในร่างกาย และต้องใช้น้ำเป็นตัวพาไปสู่การกรองของไตจนกลายเป็นปัสสาวะ หากดื่มน้ำมากเกินไป ไตก็จะทำงานหนักเกินไป แต่หากดื่มน้ำน้อยมากเกินไป (ซึ่งมีโอกาสมากกว่า) ก็จะทำให้ปัสสาวะมีสีเข้ม ซึ่งไม่ดีต่อไต และกระเพาะปัสสาวะด้วย

4. ทำงานหนักเกินไป

เชื่อหรือไม่ว่าการทำงานหนักก็เป็นสาเหตุของโรคไตด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ อวัยวะภายในร่างกายก็จะไม่ได้รับการฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่ออวัยวะที่คอยฟอกของเสียในร่างกายอย่างไตไม่ได้หยุดทำงาน ก็อาจทำให้ไตเสื่อมสภาพลงได้ง่าย

5. ความเครียด

ความเครียดมักมาพร้อมกับการทำงานหนัก หากเครียดมากๆ ร่างกายก็จะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน นอกจากนี้เมื่อเราเครียด เราจะหายใจเอาออกซิเจนเข้าร่างกาย เพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ไม่เต็มที่ และไตก็เป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจากความเครียดด้วยเช่นกัน

6. ทานอาหารสำเร็จรูป

แม้ว่าคุณอาจจะบอกว่าไม่ใช่คนทานเค็ม แต่หากคุณใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อ อาหารกระป๋องต่างๆ หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลม โซดา และเครื่องดื่มบางประเภท คุณจะได้รับโซเดียมเข้าไปในร่างกายในปริมาณสูงโดยที่คุณไม่รู้ตัว ดังนั้นทานให้น้อยลงหน่อยนะ

7. ความดันโลหิตสูง

หากใครมีอาการความดันโลหิตสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นโรคไตตามมาด้วย เพราะหากปล่อยให้เป็นความดันสูงต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบรักษา ความดันโลหิตสูงนี้จะทำลายเส้นเลือดที่ไต ทำให้ไตถูกทำลาย หรืออาจเรียกว่าเป็น “ไตวายชั่วคราว”

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 วิธีปกป้องผิวจากฝุ่น PM 2.5

เมื่อต้องกลับมาเผชิญกับภัยของฝุ่น PM 2.5 อีกครั้ง ซึ่งมีขนาดที่เล็กลงจนเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่าย ฝุ่นละอองไม่ใช่แค่ทำร้ายระบบทางเดินหายใจเราเท่านั้น แต่ยังผลเสียต่อผิวเราได้ด้วยค่ะ ทั้งทำให้ผิวเราอุดตัน และยังทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเราแก่ขึ้นได้ด้วย วันนี้ SI มี 5 วิธี ปกป้องผิว แม้จะเจอฝุ่นหนักแค่ไหน หากเรารู้จักปกป้องและบำรุงผิวอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยรักษาผิวไม่ให้เกิดปัญหา และมีสุขภาพดีได้ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดีก็ตาม

1. สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด

พอก้าวขาออกจากบ้านปุ๊ป หากไม่มีอะไรปกคลุมที่ผิวหนังเลย ก็จะเปิดโอกาสให้ฝุ่นละอองเข้ามาทำร้ายผิวเราได้ง่ายค่ะ วิธีการก็คล้ายๆ การป้องกันฝุ่นละอองเข้าสู่ระบบหายใจ ถ้าไม่อยากสูดละอองฝุ่นเข้าไปก็ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และถ้าไม่อยากให้ผิวเราถูกฝุ่นละอองมากเกินไป ก็ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด เสื้อควรมีแขน ใส่กระโปรงยาว หรือกางเกงยาวก็จะดีค่ะ ถ้ากลัวร้อนล่ะก็ ขอแนะนำให้เลือกใส่เนื้อผ้าชีฟองก็พอช่วยได้ค่ะ

ส่วนผิวบริเวณหน้า ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันไว้ได้ค่ะ คือได้ประโยชน์ 2 ต่อ ป้องกันไม่ให้ฝุ่นผ่านเข้าไปทางระบบทางเดินหายใจ และป้องกันไม่ให้ถูกผิวหน้าเราได้ด้วย

2. ทาครีมกันแดดปกป้องผิว

พวกหมอกควัน หรือฝุ่นละอองพอมันมาเจอกับแสงแดดหรือแสง UV สามารถทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำร้าย และทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผิวจะหมองคล้ำ และทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย เพื่อไม่ให้ทั้งฝุ่นและแสงแดดทำร้ายผิวเราได้ ก่อนออกจากบ้านควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดอยู่เสมอค่ะ

3. ดื่มน้ำขับของเสียออกจากร่างกาย

เพราะฝุ่นมีขนาดที่เล็กมาก บางทีมันก็อาจจะเข้าสู่ร่างกายเราไปได้ง่ายๆ วิธีการรับมือที่ง่ายที่สุดก็คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อขับออกเสียเหล่านั้นออกมาค่ะ พอไม่มีของเสียในร่างกาย ก็จะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และที่สำคัญการดื่มน้ำยังทำให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในได้อีกด้วยค่ะ

4. กลับมาบ้านต้องล้างหน้าให้สะอาด

แม้เราจะใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิด ใส่หน้ากากอนามัย หรือทาครีมกันแดดปกป้องผิว แต่วิธิการเหล่านี้ก็แค่ช่วยปกปิ้งฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ตามผิวเราก็ยังคงมีเศษฝุ่นละอองเกาะตามผิวหน้าเราอยู่บ้าง เพื่อกำจัดฝุ่นที่เป็นมลภาวะเหล่านี้ เมื่อกลับถึงบ้านควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจดค่ะ ไม่เหลือเศษฝุ่นติดค้างอยู่ในรูขุมขนเรา วิธีการก็คือควรเลือกโฟมล้างที่อ่อนโยน แต่ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ก่อนล้างหน้าควรใช้ Cleansing เช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด และปิดท้ายด้วยการใช้โทนเนอร์เช็ด ยกระดับความสะอาดไปอีกขั้นค่ะ

5. ฟื้นฟู บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ “การบำรุงผิว” ค่ะ คือเราไม่รู้แน่ชัดว่า ออกไปจากบ้านแล้วผิวเราจะถูกฝุ่นทำร้ายมากแค่ไหน ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงด้วยค่ะ ด้วยการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Epidermist 4.0 อย่างน้อยก็ช่วยกู้ผิวพังให้แข็งแรงขึ้น และการมีผิวแข็งแรงก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก แบคทีเรีย หรือแม้แต่ฝุ่นละอองเข้าสู่ผิวได้ง่ายด้วย

ที่มา : idskinexpert.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 ความเชื่อผิดๆ เรื่องสุขภาพฉบับวัยทำงาน

วัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงาน เป็นวัยที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีพลังกายพลังใจสูง ทำให้หลายคนมีค่านิยมในการทำงานหนักเพื่อสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เช่น นั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จริงจังกับการทำงานทุกเวลา และเชื่อว่าการทำงานหนักคือการพัฒนาสมองไปในตัว แต่ความเป็นจริงนั้น หากทำงานหนักจนละเลยจุดสมดุลของชีวิต พักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้สมอง อ่อนล้า เสื่อมเร็ว และเซลล์สมองตายเร็วกว่าปกติ เนื่องจากสมองถูกใช้งานหนักเกินไป วันนี้ SI มีบทความดีๆ เกี่ยวกับ 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่องสุขภาพที่ทำร้ายร่างกายเราโดยไม่รู้ตัวมาฝากกันค่ะ

ดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้อายุยืน

แม้บางงานวิจัยสนับสนุนว่าการดื่มแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่พอดีช่วยให้อายุยืน แตไม่ได้หมายความว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกประเภทจะให้ผลได้แบบนั้น เพราะผลวิจัยล่าสุดโดยนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา พบว่า “เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีผลดีต่อสุขภาพหัวใจ ไม่ใช่เหล้า เบียร์ แต่เป็นไวน์แดง เพราะไวน์แดงมีสาร ต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ช่วยป้องกันอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ควรดื่มเป็นประจำทุกวัน ในปริมาณ ที่เหมาะสมหรือวันละ 1 แก้วเท่านั้น” จึงจะดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง

ความอ้วน เสี่ยงอายุสั้น

หนุ่มสาวยุคนี้มีค่านิยมต่อรูปร่างที่ดีสมส่วนมากขึ้น หันไปฟิตเนส ลดไขมัน ลดหน้าท้อง แต่ก็นำไปสู่ความเสี่ยงการเป็น “โรคคลั่งผอม” หรือ “โรคกลัวอ้วน” ที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงตายเร็วกว่าคนปกติทั่วไปถึง 9 เท่า เนื่องจากอดอาหาร และ เลือกจำกัดปริมาณและชนิดของอาหารมากเกินไป ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารในที่สุด ซึ่งความเชื่อนี้เองที่เป็นผลร้ายต่อร่างกายมากกว่า “คนที่อ้วนเกินเกณฑ์เล็กน้อย” เพราะการอดอาหารส่งผลเสียกับร่างกาย ระบบประสาทและสมองได้พอๆ กับการอดหลับอดนอนเป็นระยะเวลานานๆ

อาหารเสริม ทางลัดสุขภาพแข็งแรงและหุ่นดี

จะเห็นได้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอาหารเสริมมากมาย เช่น อาหารเสริมเพื่อความงาม อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ วิตามินเสริมอาหาร ให้เราได้เลือกซื้อมาทานกันมากขึ้น แต่การหวังผลลัพธ์ให้สุขภาพดีหรือรูปร่างดีด้วยการทานอาหารเสริมเพียงอย่างเดียวโดยไม่ออกกำลังกาย ไม่ควบคุมอาหารควบคู่กันไปอาจทำให้ร่างกาย เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็น ทั้งยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อตับและไตวายได้ในระยะยาว

มีเพศสัมพันธ์ ช่วงมีประจำเดือน “ไม่ท้อง”

การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ความเชื่อผิดๆ เช่น การนับหน้า 7 หลัง 7 มีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือน ไม่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นั้นไม่ใช่เรื่องจริงอีกต่อไป เพราะทางการแพทย์พบว่าสเปิร์มที่แข็งแรงมีอายุอยู่ได้นานสูงสุด 3-7 วัน และร่างกายผู้หญิงสามารถผลิตไข่ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังหมดประจำเดือนนั่นเท่ากับทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ มีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้เสมอ ดังนั้นหากคุณยังไม่พร้อมกับตั้งครรภ์จริงๆ แนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้แน่นอนกว่า เพื่อป้องกันปัญหาไม่พึงประสงค์ในอนาคต ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อผิดๆ ที่ถูกบอกเล่าต่อกันมา
ดังนั้นก่อนที่จะเชื่อข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ ก็ควรศึกษาและหาเหตุผลสนับสนุนเพิ่มเติมก่อนปฏิบัติตามเพื่อป้องกันผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณเองที่มา : idskinexpert.comหาก

ที่มา : idskinexpert.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


7 โรคต้องรู้! รับมือน้ำท่วม

จากสถานการณ์น้ำท่วมในต่างจังหวัดที่เกิดขึ้น ของแถมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ โรคระบาดยอดฮิตที่มากับน้ำ SI ขอมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการป้องกันโรค 7 โรคควรรู้เพื่อการป้องกันในช่วงน้ำท่วม เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของท่านและครอบครัวที่ท่านรักในช่วงภาวะวิกฤตน้ำท่วมนี้และเราขอส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยทุกคนให้มีความเข้มแข็ง สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ในเร็ววัน

1. โรคติดต่อทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง บิด ทัยฟอยด์ อาหารเป็นพิษและตับอักเสบจากไวรัสเอ

กลุ่มโรคเหล่านี้ติดต่อโดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไป

การป้องกัน เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังอาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่ จึงควรระมัดระวังอย่าให้เข้าปากและไม่ควรนำมาล้างภาชนะ ถ้วยชาม หรือผักผลไม้ ควรดื่มน้ำที่ต้มแล้ว น้ำฝน หรือน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่มีแมลงวันตอม ไม่ขับถ่ายลงในน้ำแต่ควรขับถ่ายลงในภาชนะที่มิดชิด แล้วล้างมือให้สะอาดรวมทั้งก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง หากมีขยะหรือของเสียที่เปียกแฉะควรทิ้งใส่ถุงพลาสติกผูกให้แน่น แล้วทิ้งในที่ที่เหมาะสม หากมีอาการอุจจาระร่วงควรดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (โออาร์เอส) จนอาการเป็นปกติ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น มีไข้ หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ควรปรึกษาแพทย์

2. โรคตาแดง เกิดจากน้ำที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่เข้าตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ มีอาการตาแดง ปวดแสบตา น้ำตาไหลมา

การป้องกัน เมื่อน้ำสกปรกเข้าตา ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาด ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย รวมถึงการใช้สิ่งของที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน เสื้อผ้า หมั่นรักษาความสะอาดมือและร่างกาย หากมีอาการควรรีบปรึกษาแพทย์

3. โรคผิวหนัง ในช่วงภาวะน้ำท่วมขัง โรคผิวหนังที่สำคัญ คือ โรคน้ำกัดเท้าหรือเท้าเปื่อย มักมีสาเหตุมาจากเชื้อรา ซึ่ง

เจริญเติบโตได้ดีบริเวณซอกผิวหนังที่อับชื้น อาการระยะแรกจะเกิดผิวหนังอักเสบมีตุ่มใสบริเวณง่ามเท้า มีการระคายเคืองและคันมากจนแตกเป็นแผล ซึ่งจะทำให้มีอาการอักเสบจากการติดเชื้อแทรกซ้อนได้

การป้องกัน หลังจากย่ำน้ำแล้วควรล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งโดยเฉพาะตามง่ามเท้า อาจโรยด้วยแป้งฝุ่น

ถ้าเป็นไปได้ควรสวมรองเท้าบูทเพื่อกันน้ำ หากมีอาการเท้าเปื่อยควรทาด้วยขี้ผึ้งรักษาน้ำกัดเท้า หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

4. ภัยจากสัตว์มีพิษกัดต่อย งู และสัตว์มีพิษต่างๆ เช่น แมลงป่อง ตะขาบ อาจหนีน้ำขึ้นมาบนบ้านโดยเฉพาะ

บริเวณที่มืด

การป้องกัน หากมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือเดินในที่มืดหรือเวลากลางคืน ควรต้องให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอและระมัดระวังเป็นพิเศษ หากถูกสัตว์เหล่านี้กัดหรือต่อยควรรัดเหนือบริเวณแผลด้วยผ้าหรือสายยางให้แน่นแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที คลายผ้าหรือสายยางที่รัดออกเป็นระยะๆ ทุก 10 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนบ้าง

5. เลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของตับและไต ผู้ป่วยจะมี

อาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อน่องมาก ตาแดง ต่อมามีอาการตัวเหลือง และอาจบวมบริเวณหลังเท้าและหนังตา โรคนี้ติดต่อโดยเชื้อโรคที่ผ่านมากับปัสสาวะของหนูที่อยู่ในน้ำแล้วไชเข้าสู่ผิวหนัง

การป้องกัน เมื่อจะต้องย่ำน้ำควรสวมรองเท้าบูทยาง กำจัดหนูที่เป็นพาหะนำโรค ถ้ามีอาการของโรคนี้ควรรีบไปพบแพทย์

6. โรคติดต่อทางเดินหายใจ ได้แก่ ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ใน

ละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วยเข้าไป หรือใช้สิ่งของภาชนะร่วมกับผู้ป่วย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย ตรากตรำ และอยู่รวมกันอย่างแออัด จะมีโอกาสติดเชื้อและป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่าย ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย อาจมีอาการไอร่วมด้วย

การป้องกัน ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงและอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่สวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปียกชื้นนานเกินไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

7. ภัยจากอุบัติเหตุ ที่พบบ่อย คือ

ถูกวัตถุหรือของมีคมตำหรือบาด ได้แก่ หนาม ตะปู เศษแก้วหรือกระเบื้อง ทำให้มีบาดแผลและอาจติดเชื้อแทรกซ้อนได้
อุบัติเหตุจากการถูกไฟฟ้าดูด เมื่อร่างกายเปียกน้ำหรืออยู่ในที่ชื้นแฉะ กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านร่างกายได้

1. ควรระมัดระวังเป็นพิเศษขณะเดินในน้ำ ถ้าเป็นไปได้ควรสวมรองเท้าบูท หากมีบาดแผลควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดเพื่อล้างสิ่งสกปรกในบาดแผลออกให้มากที่สุด แล้วใส่แผลด้วยยาฆ่าเชื้อ

2. หากระดับน้ำท่วมขังถึงสวิตช์หรือปลั๊กไฟฟ้า ควรตัดกระแสไฟฟ้าที่แผงสวิตซ์รวมก่อน และย้ายสวิตซ์ ปลั๊กและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พ้นจากระดับน้ำ ห้ามต่อสายไฟและจับต้องปลั๊กไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขณะที่ตัวอยู่ในน้ำหรือขณะที่ตัวเปียก

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


12 คุณประโยชน์จาก “โสม” ที่ไม่ได้มีดีแค่กับคนชรา

โสม สมุนไพรบำรุงร่างกายชั้นดีที่ได้ขนานนามว่า “ราชาแห่งสมุนไพร” เพราะเพียงปลายรากเล็กๆ แต่กลับมากด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสมอง บำรุงเลือด เพิ่มพลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศสำหรับผู้ชาย และอีกมากมายตามที่เลื่องลือกันมา แต่ด้วยค่านิยมผิดๆ ที่คิดว่าโสมเอาไว้บำรุงคนแก่เท่านั้น วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จัก 12 คุณประโยชน์ของโสมกันนะคะ

โสมช่วยลดการปวดประจำเดือน
ประโยชน์ในเรื่องนี้เอาใจสาวๆ ไปได้เลย เพราะผู้หญิงที่ต้องเจอภาวะปวดประจำเดือนทุกเดือนนี้มันช่างทรมานจริงๆ โดยมีนักวิจัยคิดค้นและยืนยันมาแล้วว่า โสมมีฤทธิ์ช่วยปรับฮอร์โมนในผู้หญิงช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และยังช่วยปรับฮอร์โมนสำหรับผู้หญิงที่กำลังเข้าวัยทองอีกด้วยช่วยลดอาการผมร่วง ป้องกันภาวะผมบางและหัวล้าน


โสมมีส่วนช่วยบำรุงเลือด ทำให้ร่างการสร้างเซลล์ PAPILLA ได้มากขึ้น ซึ่งเซลล์ PAPILLA เป็นเซลล์ที่ช่วยให้อายุของเส้นผมอยู่ได้นานขึ้น ไม่หลุดร่วงง่าย และยังช่วยให้ผมที่ขึ้นใหม่แข็งแรง ป้องกันการเกิดภาวะผมบาง ศีรษะล้าน เสียบุคลิกภาพ


ช่วยบำรุงผิว ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เนื่องจากโสมมีสาร Phytonutrients และสาร Anti-Oxidants จึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยดูแลคอลลาเจนในผิวชั้นกลางทำให้ผิวหน้าดูกระชับเต่งตึง แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา


ช่วยลดปัญหารอบดวงตา
สาวๆ คนไหนกำลังเจอปัญหานี้ ใช้อายเจลหมดไปหลายกระปุกก็ยังไม่ช่วย ต้องมาลองใช้โสมกันดู เพราะโสมมีสาร Saponin ที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ใต้ผิวหนังรอบดวงตาให้แข็งแรงขึ้น จึงสามารถช่วยแก้ปัญหารอยดำหมองคล้ำใต้ดวงตา ลดอาการบวมของถุงใต้ตา ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเดิม


ยับยั้งเซลล์มะเร็งรังไข่, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด
Ginsenosides ในโสมมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งในรังไข่ เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และเซลล์มะเร็งปอด ได้เป็นอย่างดี จากการวิจัยของนักวิทยาสาสตร์ค้นพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งทั้ง 3 กลุ่มนี้ที่ได้รับประทานโสมอย่างต่อเนื่อง จะสามารถประคองอาการของโรค และมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่า กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานโสม


ช่วยรักษาและป้องกัน โรคเบาหวาน
โสมมีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลกลูโคสในร่างกายไปใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งไปกระตุ้นให้ตับอ่อนสามารถเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ช่วยรักษาโรคและป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี


ช่วยในการลดน้ำหนัก
โสมเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักและไขมันได้ โดยการที่โสมช่วยปรับสภาพให้ร่างกายดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง และกระตุ้นให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้งานได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยลดการสะสมไขมันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเร่งกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย


ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
อย่างที่เราคุ้นหูกันดีว่าโสมเป็นยาโดปชั้นดีของเหล่าสุภาพบุรุษ เพราะโสมสามารถไปเพิ่มปริมาณไนตริกออกไซในร่างกาย ทำให้สามารถรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้เป็นอย่างดี


ลดอาการความดันโลหิตสูงและต่ำ
โสมมีส่วนช่วยบำรุงเลือดและปรับสมดุลต่างๆ ในร่างกาย ร่วมถึงปรับการหมุนเวียนของเลือดในร่างกายด้วย เพียงมีข้อพึงระวังในการใช้โสมของผู้ป่วยความดันโลหิตอยู่นิดนึงว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรรับประทานโสมขาว และผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำควรรับประทานโสมแดง เพราะโสมทั้ง 2 ชนิดนี้ออกฤทธิ์แตกต่างกัน


ลดความเครียด แก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับ
Ginsenosides ในโสมจะช่วยทำให้ระบบประสาทส่วนกลางตื่นตัวทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยคลายความปวดเมื่อย ซึ่งจะช่วยทำให้หลับสนิท และตื่นมาไม่งัวเงีย กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งโสมจะช่วยต้านความเครียด เพราะมีสาร Adaptogens จะช่วยให้ร่างกายให้ผ่อนคลาย ปรับสภาวะจิตใจให้คงที่ ลดภาวะโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย


ช่วยบำรุงสมองและระบบความจำ
ในส่วนข้อนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องทำงานใช้ความคิดทั้งวัน หรือเด็กนักเรียน นักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวสอบ เพราะโสมมี Ginsenosides ที่จะช่วยเสริมการทำงานของสารสื่อประสาท ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทของระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ปรับกระบวนการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ต่างๆ
โสมช่วยปรับสภาพร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล จึงทำให้สามารถป้องการการติดเชื้อต่างๆ ได้ดี ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย ไอจามบ่อยๆ หากได้รับประทานโสมจะสามารถลดอาการเหล่านี้ลงได้อย่างดีเลยทีเดียว

ข้อควรระวังในการทานโสม

แม้ว่าโสมจะมีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง แต่หากทานโสมแล้วเกิดอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ มีผื่นแดง หรืออาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที นอกจากนี้การเลือกชนิดของโสมก็มีความจำเป็น ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรทานโสมแดง เพราะจะยิ่งเพิ่มความร้อน และความดันโลหิตให้กับร่างกายได้ ควรเลือกทานเป็นโสมขาวที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความดันโลหิตจะดีกว่า และหญิงมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานโสมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโสมชนิดใดก็ตาม

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


29 คุณประโยชน์ของงาดำ

งาดำ (Black sesame seeds) ถือเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพ สามารถที่จะรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องได้ ซึ่ง งาดำมีสรรพคุณช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และหากเรารับประทานเป็นประจำ ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน ภายในงาดำนั้น อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น วิตามิน B รวม , เหล็ก (Iron) แมกนีเซียม (Magnesium) , ฟอสฟอรัส (Phosphorus) , โซเดียม (Sodium) , สังกะสี (zinc) , แคลเซียม (Calcium) และ โพแทสเซียม (Potassium) เป็นต้น นอกจากนั้น งาดำยังช่วยบำรุงสุขภาพในทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทองอีกด้วย

สรรพคุณของงาดำ

ภายในงาดำ มีสารอาหารต่างๆ มากมายหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รวมไปถึงช่วยบำรุงผิวพรรณของเราให้สดใสอยู่เสมออีกด้วย

– งาดำมีความสำคัญอย่างมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย

– ช่วยชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์

– ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

– ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ

– ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง และช่วยให้ผมดกเงางาม

– ช่วยป้องกันผมหงอก

– ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย

– ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน

– ช่วยลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล

– ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว

ที่มา : medthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 อาหารไขมันดี ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและไขมันอุดตัน

ใครอยาก Diet ห้ามพลาด! การลดน้ำหนักมักเริ่มจากการลดไขมัน ซึ่งอาจไม่ถูกซะทีเดียวนะคะ จริงๆ แล้วสิ่งที่ควรลดคือ แป้งและน้ำตาลต่างหากละคะ แต่ทราบกันมั๊ยคะว่าไขมันมีทั้งชนิดดีและชนิดเลว วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จักกับไขมันดีกันค่ะ

ไขมันดี คืออะไร?

ไขมันดีเราเรียกว่า HDL ส่วนไขมันเลวเราเรียกว่า LDL เจ้าไขมันเลวนี่แหละที่เป็นตัวการของโรคต่างๆ อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปคือ โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ที่นำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดได้ นอกจากภายในร่างกายจะแย่แล้ว ยังเป็นไขมันที่ทำให้เราเป็นโรคอ้วนอีกด้วย ส่วนไขมันดี หรือ HDL ที่ว่าเป็นไขมันดี ก็เพราะมันไม่ใช่ตัวการสำคัญของโรคต่างๆ เหมือนไขมันเลว แต่ยังเป็นตัวที่คอยเก็บคราบไขมันตามผนังหลอดเลือดออกไป แล้วขับออกจากร่างกายผ่านตับ และน้ำดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นรู้หรือยังว่าทำไมเราจำเป็นที่จะต้องทานไขมันดีเข้าไปในร่างกายบ้าง

อาหารที่มีไขมันดี

อาหารที่มีไขมันดีมีอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ที่เราอยากแนะนำให้ทานกัน มีดังนี้

1. น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกเป็นอาหารชนิดแรกๆ ที่เราอยากแนะนำให้คนไทยได้ทานกัน เพราะคนไทยจะถนัดการใช้น้ำมันชนิดอื่นทำอาหารเสียมากกว่า แต่อันที่จริงแล้วน้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีให้กับร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี น้ำมะกอกชนิด Extra Virgin, Virgin ควรนำมาทานสดๆ ผสมกับน้ำสลัด โดยไม่ผ่านความร้อน แต่หากอยากนำมาใช้ประกอบอาหารร้อนแทนน้ำมันพืช น้ำมันปาล์ม ควรเลือกเป็นน้ำมันมะกอกชนิด Extra Light Olive Oil หรือ Olive Pomace Oil ที่ทนต่อความร้อนได้แทน

2. น้ำมันเมล็ดฟักทอง

อีกหนึ่งตัวเลือกหากใครไม่ชอบน้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดฟักทองมีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สูง มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้น และดีต่อสุขภาพของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร

3. อัลมอนด์

เห็นเป็นของทานเล่นอร่อยๆ แบบนี้ มีประโยชน์มากมาย เพราะอัลมอนด์ช่วยเพิ่มไขมันดี และลดไขมันเลวโดยตรงเลยทีเดียว ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด และหัวใจ และยังมีวิตามิน และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกเพียบ เช่น วิตามินอี โฟเลต แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฯลฯ บ่ายๆ แทนที่จะหยิบขนมหวานเข้าปาก ลองทานเมล็ดอัลมอนด์ 1 กำมือดูนะคะ

4. หอมหัวใหญ่

ใครที่ไม่ชอบทานหอมหัวใหญ่อาจจะต้องลองคิดดูใหม่ เพราะหอมหัวใหญ่เป็นอีกหนึ่งอาหารสำคัญที่ช่วยลดปริมาณไขมันเลว และเพิ่มไขมันดีให้กับร่างกาย ช่วยกำจัดคอลเสเตอรอลที่อยู่ตามผนังหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี และยังช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัว จนอุดตันเส้นเลือดอีกด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และอัมพาตได้

5. อะโวคาโด

คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับอะโวคาโดมากขึ้น และราคาก็เริ่มย่อมเยา เพราะประเทศไทยเริ่มมีการปลูกอะโวคาโดทานเอง (หากซื้อใกล้แหล่งปลูกจะถูกมากกว่าตามห้างสรรพสินค้าที่สินค้านำเข้า) อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันดีสูงมาก นอกจากจะช่วยลดคอเลสเอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้แล้ว อะโวคาโดยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง แต่น้ำตาลต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่อยากจำกัดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก และผู้ป่วยเบาหวานก็ทานได้ดี

6. ปลาทะเลน้ำลึก

น่าจะเคยได้ยินกันว่าปลาทะเลน้ำลึกมีโอเมก้า-3 อยู่ด้วย นอกจากจะช่วยบำรุงสมอง พัฒนาสมองในด้านการจำแล้ว ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และเพิ่มไขมันชนิดดีให้กับร่างกายได้อีกด้วย ปลาทะเลน้ำลึกที่อยากแนะนำ ได้แก่ แซลมอน แมคเคอเรล ทูน่า และซาร์ดีน

นอกจากนี้ไขมันดียังพบได้ในถั่วต่างๆ เช่น แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ และน้ำมันต่างๆ เช่น น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส น้ำมันคาโนลา ลองสับเปลี่ยนหมุนเวียนทานไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เราได้รับไขมันดี พร้อมกับคุณค่าทางสารอาหารอื่นๆ ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นนะคะ

ที่มา : medthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน