เสริมภูมิต้านทานโควิด-19 ด้วยสมุนไพรไทย

แพทย์แผนไทยแนะนำอาหารที่ช่วยเพิ่มเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ทั้งกลุ่มเสริมภูมิต้านทานโรค วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ และอาหารที่มีสารสำคัญที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
นพ.มรุต จิรเศรษฐศิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก แนะนำผักผลไม้สมุนไพร 3 กลุ่ม เพื่อเสริมภูมิต้านทานของร่างกายช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มีอะไรบ้าง SI พาไปดูกันค่ะ

-กลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
– กลุ่มที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
– กลุ่มที่มีสารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

อาหารกลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
ผักผลไม้และยา จากสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้แก่
– พลูคาว หรือผักคาวตอง
– เห็ดต่าง ๆ ซึ่งมีสารสำคัญคือเบต้ากลูแคน เช่น เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดออรินจิ เห็ดหลินจือ
– ตรีผลา (สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม) รับประทานในรูปของน้ำต้มดื่ม

อาหารที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น
– ดอกขี้เหล็ก
– ยอดมะยม
– ใบเหลียง
– ยอดสะเดา
– มะระขี้นก
– ฟักข้าว
– ผักเชียงดา
– คะน้า
– มะรุม
– ผักแพว
– มะขามป้อม

อาหารที่มีสารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส
อาหารที่มีสารกลุ่มแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารเฟลโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น
– ลูกหม่อน
– ผักผลไม้หลากสี
นอกจากจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสแล้ว ยังช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันด้วย

อย่างไรก็ตาม หลักสำคัญที่ควรปฎิบัติในตอนนี้ คือการล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เป็นหวัดมีอาการไอ จาม กินร้อนช้อนตัวเอง งดเดินทางไปประเทศเสี่ยง และรักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ งดการพบปะสังสรรค์และร่วมกิจกรรม หรือเดินทางไปในที่ที่มีคนเยอะ จะช่วยลดการแพร่ระบาด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ข้อมูล :กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

ที่มา : www.posttoday.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ปั้นแบรนด์ให้ปังด้วยถั่วพีแคนกับคุณประโยชน์อัดเม็ด

พีแคน (Pecan) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีสีน้ำตาลเข้มรูปทรงยาว พีแคนอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไขมันดีจึงเป็นอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยคุณประโยชน์เต็มแม็กซ์ อาจจะเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการสร้างแบรนด์ ถั่วพีแคนจะมีประโยชน์ด้านใดบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

เป็นแหล่งโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ไม่เพียงเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์เท่านั้นที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน แต่การรับประทานถั่ว โดยเฉพาะถั่วพีแคน มีการค้นพบในงานวิจัยเมื่อปี 2015 โดย Self Nutrition Data กล่าวว่า ถั่วพีแคน1ออนซ์ ให้โปรตีนมากถึง 3 กรัม ดังนั้นหากจะเพิ่มถั่วพีแคนลงในมื้ออาหารก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอมากยิ่งขึ้น

เป็นแหล่งไทอามีน
ไทอามีน (Thiamine) หรือที่รู้จักกันในชื่อของวิตามินบี1 ช่วยในเรื่องระบบของการเผาผลาญและการเจริญเติบโตของเซลล์ Self Nutrition Data แนะนำว่า ผู้ชายควรที่จะได้รับสารอาหารไทอามีนในปริมาณ 1.2 กรัมต่อวัน และผู้หญิงควรที่จะได้รับสารอาหารไทอามีนในปริมาณ 1.1 กรัมต่อวัน

อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อหัวใจ
ถั่วพีแคนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล (Polyphenols) โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ การรับประทานถั่วพีแคนยังช่วยเพิ่มปริมาณของสารแกมมา โทโคเฟรอล (Gamma Tocopherol) ซึ่งเป็นวิตามินอี ธรรมชาติ ช่วยป้องกันการเกิดอ็อกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ

อุดมไปด้วยแมงกานีส
ในถั่วพีแคนอุดมไปด้วยแมงกานีส โดยถั่วพีแคน1ออนซ์ให้สารอาหารแมงกานีสมากถึง 60% ต่อร้อยละของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน โดยแมงกานีสช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังกระชับมากขึ้น

อุดมไปด้วยทองแดง
ในถั่วพีแคนอุดมไปด้วยทองแดง การรับประทานถั่วพีแคน1ออนซ์ให้สารอาหารทองแดงมากถึง 40% ต่อร้อยละของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ทองแดงจะทำงานร่วมกับธาตุเหล็ก ทำหน้าที่ในการดูดซึมธาตุเหล็กเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และยังมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดของเส้นประสาทรวมถึงเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย

ให้พลังงานสูง
ถั่วพีแคนเป็นแหล่งพลังงานที่ดี ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานถึง 690 แคลอรี่และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เป็นแหล่งไขมันดี แร่ธาตุต่างๆ และวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพ

ลดคอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด
ถั่วพีแคนอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น กรดโอเลอิก (oleic acid) และเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารฟีนอลิก การรับประทานถั่วพีแคนเป็นประจำจะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ในเลือด จากการศึกษาวิจัยได้มีการแนะนำว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนโดยเน้นการทานผักผลไม้ ธัญพืชและถั่วต่างๆ จะอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ถั่วพีแคนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารไฟโตเคมิคอลหลายชนิดที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ เช่น กรดโพลิฟีโนลิก, กรดเอลลาจิก, วิตามินอี, เบต้าแคโรทีน, ลูทีนและซีแซนทีน จากการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารประกอบเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายกำจัดอนุมูลอิสระ จึงเป็นการป้องกันร่างกายจากเกิดโรคมะเร็งและการติดเชื้อ

วิตามินอีสูง
พีแคนเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมของวิตามินอี พีแคน 100 กรัม มีปริมาณวิตามินอีสูงถึง 25 กรัม ซึ่งวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ มีส่วนช่วยลดไขมัน ป้องกันการเกิดการแข็งตัวของเลือด อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวหนังจากอนุมูลอิสระจึงช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 สุดยอดผลไม้เสริมสมรรถภาพทางเพศ

อย่าปล่อยให้รักสะดุด เพราะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนะคะ บรรดาคุณผู้ชายหลายท่านพยายามสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของตัวเอง การกินวิตามินอาหารเสริมก็ถือเป็นอีกทางเลือกนะคะ แต่นอกจากการรับประทานอาหารเสริมแล้ววันนี้ SI มี 5 สุดยอดผลไม้ที่จะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศให้กลับมาฟิตปั๋งกันอีกครั้งค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยนะคะ

1. สตรอว์เบอร์รี่

สตรอว์เบอร์รี่ ผลไม้สีแดงรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน หากใครได้รับประทานรับรองว่า ต้องติดใจในรสชาติอย่างแน่นอน นอกจากความอร่อยแล้วยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายได้อย่างดีเยี่ยม

โดยวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่ ที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพของคุณผู้ชายไว้ดังนี้

ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอัตราเสี่ยงอวัยวะเพศไม่แข็งตัว สตรอว์เบอร์รี่มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มีกรดโฟลิก ช่วยในการสร้างเซลล์สเปริ์ม ช่วยควบคุมระดับโดพามีนในร่างกาย ทำให้รู้สึกดีเวลาหลั่งฮอร์โมน สารเมทิลแซนทีนในสตรอว์เบอรี่ ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศได้เป็นอย่างดี

2. แตงโม

แตงโม เป็นแหล่งรวมของวิตามินซี, วิตามินเอ, วิตามินบี, แมกนีเซียม,โพแทสเซียมและสังกะสี เป็นผลไม้ใกล้ตัวที่มีคุณประโยชน์และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป เห็นรสชาติหวานฉ่ำ ชื่นใจแบบนี้ เชื่อหรือไม่ว่า แตงโมนั้นมีประโยชน์ต่อสมรรถภาพทางเพศอย่างมาก ขนาดที่ว่า นักวิชาการยกให้เป็น “ไวอากร้า” ชั้นเลิศเลยก็ว่าได้

ผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาโดย ดร.พิมู ปาติล ผู้อำนวยการศูนย์ปรับปรุงพันธุพืช และผลไม้เท็กซัส A&M ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า กรดอะมิโนที่มีชื่อว่า “ซิทรูไลน์” (Citruline ) ในแตงโมมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับ “ไวอากร้า” ช่วยขยายหลอดเลือดและบำรุงหัวใจ

3. สับปะรด

สับปะรด รสฉ่ำๆหวานๆอมเปรี้ยวอุดมไปด้วย มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาทำลายเซลล์ในร่างกาย

ในแกนสับปะรดช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนที่สามารถช่วยกระตุ้นเซ็กส์ได้อย่างดีเยี่ยมให้แก่คุณผู้ชายเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการหย่อนสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย จัดว่าเป็นสุดยอดยาบำรุงที่เลอค่าสำหรับคุณผู้ชายอย่างมาก

4. อะโวคาโด

อะโวคาโด จัดว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมสำหรับทุกชนชาติ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย

โดยชนชาติแรกที่ได้กิน อะโวคาโด คือ “ชาวแอชแทก” ได้ตั้งชื่อผลไม้ชนิดนี้ว่า “Ahuacatl” ซึ่งแปลว่า อัณฑะ ด้วยรูปร่างที่เหมือนอวัยวะเพศชาย และคุณประโยชน์อันน่าเหลือเชื่อที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ มีวิตามินบี 6 ที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศ และปรับระบบหมุนเวียนเลือดให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว และกรดโฟลิค ช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศได้อย่างดีเยี่ยม

5. กล้วย

กล้วย ผลไม้คุณค่ามหาศาลที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ และยังช่วยในเรื่องของการเสริมสมรรถภาพทางเพศ กล้วยช่วยเพิ่มพละกำลังและช่วยบำรุงกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ผลเสียต่อสุขภาพ เมื่อขาดวิตามิน

ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ คำพูดง่ายๆ ที่อาจไม่ง่ายสำหรับใครหลายคน ด้วยไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ค่อนข้างเร่งรีบ ทำให้อาหารฟาสฟู้ดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของหลายคน ทำให้สารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอ อีกหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย นั่นก็คือ วิตามิน หลายคนเลือกที่จะรับประทานวิตามินเสริม ซึ่งสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง ทุกคนทราบมั๊ยคะว่าหากร่างกายได้รับวิตามินที่สำคัญๆ ไม่ครบ ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวได้เช่นกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันค่ะ

วิตามินเอ
วิตามินเอ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น มีความสำคัญกับระบบสืบพันธุ์ ผิวพรรณ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หากขาดวิตามินเอ จะส่งผลให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ มองเห็นได้ยากในตอนกลางคืน ผิวหยาบกร้าน และเยื่อบุตาแห้ง

แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน
แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็ง ช่วยยับยั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต้อกระจก หากขาดแอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน อาจไม่ได้ส่งผลร้ายอะไรโดยตรงมากนัก แต่โอกาสที่จะมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง หลอดเลือดแดงแข็ง และต้อกระจกก็อาจจะมากกว่าผู้ที่ได้รับแอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีนอย่างเพียงพอ

วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงป้องกันโรคโลหิตจาง ลดระดับสารโฮโมซิสเทอีนในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และสมอง หากขาดวิตามินบี 12 นอกจากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคโลหิตจางแล้ว การทำงานของระบบประสาท และสมองก็อาจลดน้อยลงด้วย

วิตามินซี
สาวๆ หลายคนน่าจะรู้จักวิตามินซีกันดี เพราะมีส่วนช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ รักษาบาดแผล และช่วยสังเคราะห์คอลลาเจนที่ผิว ดังนั้นจึงเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว รวมถึงอาหารเสริมสำหรับบำรุงผิวมากมาย แต่นอกจากเรื่องความสวยความงามแล้ว วิตามินซียังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย หากขาดวิตามินซี นอกจากการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันจะลดน้อยลงแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ผิวซีด แผลหายยาก และอ่อนเพลียง่ายอีกด้วย

วิตามินดี
วิตามินดีช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคลเซียมจากลำไส้ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมไปทางไต ลดความเสี่ยงของกระดูกเปราะหักง่าย วิตามินดีไม่ใช่วิตามินที่ร่างกายของคนไทยขาดกันง่ายๆ เพราะร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากแสงแดด ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดตลอดปีอยู่แล้ว แต่กลับพบว่าคนไทยพร่องวิตามินดีเกือบครึ่ง จากวิถีชีวิตในเมืองที่อยู่ในตึกตลอดเวลา และการหลบเลี่ยงแสงแดด หากพบว่าร่างกายขาดวิตามินดี อาจเสี่ยงต่อภาวะกระดูกเปราะหักง่าย และในผู้สูงอายุ และหญิงวัยหมดประจำเดือน อาจมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และภาวะซึมเศร้าได้

วิตามินอี
วิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และสมอง เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง และลดริ้วรอยแก่ก่อนวัย ปกติแล้วร่างกายไม่ค่อยขาดวิตามินอีจากการทานอาหาร แต่อาจมีปัญหาจากการดูดซึมไขมัน เช่น การทำงานของตับ ตับอ่อน และลำไส้ผิดปกติ และอาจใช้เวลานานกว่าร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณบอก เช่น สูญเสียการรับสัมผัส และการตอบสนองต่อสิ่งเร้า สูญเสียความรู้สึกทางกาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาในการกลอกตา หรือทรงตัวได้ยาก รวมไปถึงปัญหาผิวหยาบกร้าน เป็นต้น

ไลโคปีน
ไลโคปีนช่วยให้ผิวทนต่อแสงแดด ลดอาการผิวไหม้แดด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ไม่หยาบกร้าน ลดการเกิดริ้วรอย และสำหรับคุณผู้ชาย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยหากขาดไลโคปีน อาจทำให้ความแข็งแรงของผิวที่สามารถทนต่อแสงแดดได้น้อยลง และอาจมีความเสี่ยงที่เซลล์จะเสื่อมลงเร็วยิ่งขึ้น

ทองแดง
ทองแดงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ป้องกันภาวะเลือดจาง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หากขาดทองแดง อาจทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ช้าลง มีความเสี่ยงต่ออาการโลหิตจาง อาจทำให้เอนไซม์บางตัวทำงานได้ไม่เต็มที่ จนอาจเกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้

สังกะสี
สังกะสีช่วยสร้างเซลล์ผิวหนัง สร้างอิลาสตินที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ช่วยส่งเสริมการสร้างน้ำย่อยโปรตีนในกระเพาะอาหาร ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมสร้างการเจริญเติบโต และความตื่นตัวของสมองอีกด้วย หากขาดสังกะสี อาจทำให้ผมร่วงง่าย ผิวหนังฟกช้ำได้ง่าย เป็นแผลแล้วหายช้า ผิวหนังอักเสบ ระคายเคือง ขาดความชุ่มชื้น และประสาทรับรสเริ่มด้อยประสิทธิภาพ จากการสังเกตร่างกายของตัวเอง บวกกับการเจาะเลือดเพื่อตรวจปริมาณวิตามินในร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เราทราบว่าเราควรทานอาหารชนิดใดเพื่อเสริมเพิ่มในส่วนของวิตามินที่ขาดหาย หรือมีวิตามินชนิดใดมากเกินไปหรือไม่

ทั้งนี้ การจะทราบว่าตัวเองกำลังขาดวิตามินใดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายบ้าง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจสุขภาพ และวัดผลให้ชัดเจน ก่อนหาซื้อวิตามินมาทานเอง

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


บำรุงร่างกาย หัวใจ และสมอง ด้วย 3 สารต้านอนุมูลอิสระ

1. Coconut Oil (MCT Oil) น้ำมันมะพร้าว ที่ผ่านกระบวนการสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงทำให้ได้สารสำคัญของน้ำมันที่ดี นั่นคือ สารสำคัญที่มีคาร์บอนจำนวน 8-10 อะตอม ซึ่งโมเลกุลของสารสำคัญดังกล่าวนั้นเหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์ สามารถเพิ่มพลังงานให้ทั้งสมองและร่างกายได้ทันทีโดยไม่เกิดการสะสมและผ่านกระบวนการย่อย จึงช่วยเพิ่มพลังงานให้กับสมองเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาหรือคนทำงาน ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานสมองหนักๆ และยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันที เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยจึงนำพลังงานที่ได้ไปใช้งานได้อย่างทันที เหมาะสำหรับบุคคลที่ออกกำลังกาย นอกจากนี้ โมเลกุลของ Fatty acid ดังกล่าวยังจัดเป็นไขมันชนิดดี จึงช่วยบำรุงหัวใจกล่าวคือ เมือร่างกายมีไขมันชนิดดี (HDL) มากขึ้นร่างกายจะสามารถปรับสมดุลทำให้ไขมันชนิดเลว(LDL) ลดลง

2. Astaxanthin Oil มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และกระบวนการออกซิเดชั่นที่มีผลทำให้เกิดริ้วรอยและการเสื่อมของเซลล์ก่อนวัยอันควร จึงเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายที่นำมาใช้เป็นอาหารเสริมในการดูแลสุขภาพของดวงตาและหัวใจลดการอักเสบทั่วร่างกาย และช่วยในเรื่องของผิวพรรณ

3. Vitamin E (Tocopherol) ช่วยทำให้แลดูอ่อนกว่าวัย โดยชะลอ
กระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิด
ไม่ดี ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพความทนทานช่วยปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศ โดยทำงานร่วมกับวิตามินเอ ป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด เพิ่ประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินดีตัวช่วยเรื่องเบาหวาน

วิตามินดี หรือที่รู้จักกันแพร่หลายว่า “วิตามินจากแสงอาทิตย์” มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพกระดูก คอเลสเตอรอล และความดันโลหิตของคุณ นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลกระทบสำคัญที่ วิตามิน ดี ส่งผลต่ออินซูลินและกลูโคส และสามารถเชื่อมโยงถึงโรคต่อมไร้ท่อหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความเชื่อมโยงกันระหว่าง วิตามิน ดี กับ เบาหวาน เป็นอย่างไร วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันไปดูกันได้เลยค่ะ

วิตามิน ดี คืออะไร

วิตามิน ดี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน โดยที่คุณสามารถดูดซึมได้จากอาหารหรือผลิตขึ้นจากร่างกายของคุณ หากคุณได้รับแสงแดด เมื่อผิวหนังของคุณสัมผัสกับแสงอัลตร้าไวโอเลต บี ร่างกายจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นวิตามิน ดี นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ตัวรับโปรตีนวิตามิน ดี ถูกอัดแน่นอยู่ในเซลล์และเนื้อเยื่อทั้งหมด

การดูดซับวิตามิน ดีมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ แต่การขาดวิตามิน ดี สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย เหมือนที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิตามิน ดี และโรคเบาหวานประเภทที่ 2 สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมจำนวนตัวเลขของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในประเทศแถบยุโรปมีมากกว่าประเภทอื่น เนื่องจากภาวะขาดวิตามิน ดี ที่เป็นผลมาจากหลายๆปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือการไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ

จะหาวิตามิน ดี ได้อย่างไร

คุณสามารถกระตุ้นร่างกายคุณให้ผลิตวิตามิน ดี มากกว่านี้ได้ โดยการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลา 15-20 นาทีต่อวัน

อย่างไรก็ตาม การสัมผัสกับแสงแดดไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อการผลิต วิตามิน ดีของร่างกายสำหรับบางคน ดังนั้น บางคนอาจเลือกบริโภคอาหารเสริมวิตามิน ดี แทน

การบริโภคอาหาร ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นประโยชน์ แม้ประสิทธิภาพจะน้อยกว่า 2 วิธีแรกก็ตาม คุณสามารถเพิ่มอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน ดี เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ไขมันปลา เต้าหู้

ผลกระทบต่อเบาหวาน

อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยประสิทธิภาพของวิตามิน ดี ร่างกายสามารถพัฒนาการตอบสนองต่ออินซูลิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการต้านอินซูลิน ซึ่งมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2

วิตามิน ดี ยังเชื่อกันว่าช่วยสนับสนุนการควบคุมการผลิตอินซูลินในตับอ่อน

ระดับที่เหมาะสมของวิตามิน ดี ควรอยู่ระหว่าง 20-56 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร หากมีระดับต่ำกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ตุณอาจประสบกับภาวะขาด วิตามิน ดี

แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบว่า เมื่อจำนวนวิตามิน ดี ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงถึง 60-80 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร จะสามารถควบคุมระดับกลูโคสในเลือดได้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

ประโยชน์อื่นๆ
น้ำหนักลดลง หลายๆ งานวิจัยเปิดเผยว่า คุณประโยชน์ที่ดีของวิตามิน ดี ช่วยลดระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ได้ สามารถส่งเสริมการลดน้ำหนักได้ในระยะยาว และลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับ โรคเบาหวานประเภทที่ 2
วิตามิน ดี จะเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพกระดูก ด้วยการดูดซึม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแร่ธาตุ ทำให้มีสุขภาพกระดูกที่ดี

ที่มา : hellokhunmor.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 เรื่องของวิตามินที่คุณอาจไม่รู้

ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าวิตามินเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมีแต่คุณประโยชน์ แต่รู้ไหมว่าวิตามินต่าง ๆ มีความลับซ่อนอยู่ที่หากคุณได้รู้จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและดีต่อร่างกายยิ่งขึ้นได้ วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

1. วิตามินบางชนิดควรได้รับทุกวัน
วิตามินบางชนิดจำเป็นต้องได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซีและบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ วิตามินกลุ่มนี้ไม่ถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ เราจึงต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน และแม้ร่างกายจะได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย

2. เอ ซี อี ซิลีเนียม เด่นชะลอวัย
วิตามินเอ ซี อี และแร่ซิลีเนียมเป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นกว่าวิตามินตัวไหน ๆ ซึ่งพบมากในผลไม้ อาทิ ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี ฝรั่ง และส้ม ส่วนผักก็ได้แก่ ผักบุ้ง บลอกโคลี ผักขม ซึ่งการทานให้ได้ผลดีสุดควรทานในรูปแบบผักผลไม้สด แต่หากเป็นคนที่ทานผักผลไม้น้อย แหล่งอาหารเสริมก็เป็นทางเลือกที่สองได้

3. เบตาแคโรทีน ทานดีทั้งรูปแบบอาหารและอาหารเสริม
หากต้องการทานเบตาแคโรทีนเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย แนะนำให้รับประทานในรูปอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง แต่หากต้องการทานเพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ ก็สามารถเลือกทานในรูปแบบอาหารเสริมได้ แต่ควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ดีที่สุด

4. ไข่ขาวดิบ ทำลายวิตามินบี 7
ไข่ขาวดิบ มีสารที่ส่งผลต่อไบโอตินในวิตามินบี 7 ที่อยู่ในลำไส้และขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย หากรับประทานไข่ขาวดิบปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 2 ฟองหรือมากกว่า 2 ฟองต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน จะทำให้ร่างกายขาดไบโอตินได้ เพราะในไข่ขาวมีสารที่ทำลายไบโอติน

5. วิตามินซีไม่ได้มีดีแค่ป้องกันหวัด
วิตามินซีเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายในชีวิตประจำมาก ๆ เพราะช่วยต้านความเครียด เพิ่มความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ที่สำคัญคือ ช่วยต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีบทบาทช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย

6. วิตามินดี ดีจริง ๆ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าวิตามินดีมีดีกว่าการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกและฟัน หรือกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในร่างกาย เพราะมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม รวมถึงยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังด้วย

7. วิตามินอี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณ
วิตามินอีขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวสำหรับสาว ๆ แต่สำหรับหนุ่ม ๆ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะช่วยแก้ปัญหาความบกพร่องของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรในผู้ที่มีบุตรยาก รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย

8. วิตามินบี 5 ปราบสิว
สาเหตุหนึ่งของคนที่เป็นสิวอาจเพราะขาด Coenzyme-A ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี 5 ในการสร้าง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี ไขมันจึงออกมาทางส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนังและเป็นสิวในที่สุด แต่หากร่างกายมีวิตามินบี 5 เพียงพอก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญไขมันทำงานปกติ ผิวหนังไม่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินจนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

9. กินวิตามินพร้อมอาหารและหลังอาหาร
ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามินคือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แต่ก็มีวิธีทานวิตามินให้ได้ผลดี คือ วิตามินบีรวมและวิตามินซี ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ส่วนวิตามินเอ ดี อี เคที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องทานวิตามินในมื้อเดียวให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้า ครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

10. วิตามินมีกลิ่นไม่ได้เสีย
หลายคนเมื่อได้กลิ่นแรงของวิตามินมักคิดว่าเสีย แต่ความจริงแล้วคือการเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเก็บไว้ผิดที่คือ โดนแสงแดดและอุณหภูมิสูงเกินไป หากรับประทานก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง นอกจากนี้วิตามินที่มีรอยร้าวที่เม็ดก็ยังมีคุณภาพและทานได้ตามปกติ เพราะเกิดจากการเคลือบเม็ดมาไม่ดีเท่านั้น

ที่มา: bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน