ปลุกพลังเตรียมใจกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว

วิธีเตรียมตัวเตรียมใจกลับมาทำงานหลังจากหยุดพักผ่อนยาว ๆ ไป ปลุกตัวเองให้คึกคักพร้อมลุยงานอย่างเต็มที่อีกครั้งแบบสุดชิล เพิ่งกลับมาจากเที่ยวกันมายาว ๆ หลายคนก็รู้สึกเหมือนยังเพลียไม่หาย พูดให้ตรงก็ต้องบอกว่าไม่พร้อมจะทำงานอย่างจริงจังเลยล่ะ แต่ในเมื่องานไม่เดินเงินก็ไม่เข้ากระเป๋า จะทำยังไงดี วันนี้ SI ขอเป็นกำลังใจให้พลังฮึดอยากทำงานกลับมากันนะคะ

นอนให้พอ

เชื่อเลยว่าตลอดวันหยุดที่ผ่านมาคุณเที่ยวแบบหามรุ่งหามค่ำ จัดหนักทั้งอาหารการกินและของมึนเมาไม่ยั้ง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะหากรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงในวันหย­­ุดสุดท้ายก่อนกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งวิธีแก้ไขในเบื้องต้นก็ไม่มีอะไรยากค่ะ เพียงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากเป็นไปได้เข้านอนก่อน 23.00 น. จะดีกับร่างกายมาก อย่างน้อยก็ลดอาการอ่อนเพลียจากที่ใช้ร่างกายสุดคุ้มมาหลายวัน

ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย

วิธีเติมพลังหลังวันหยุดยาว คึกคักรับงานเข้าชิล ๆ
การออกกำลังกายในช่วงรุ่งเช้าช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและกระ­­ปรี้กระเปร่ามากขึ้นหลายเท่าเลยนะคะ ไม่เชื่อลองตื่นเช้ามาวิ่งจ๊อกกิ้งสักครึ่งชั่วโมงสิ แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของร่างกายที่รู้สึกสดชื่นขึ้­­น เหมือนพร้อมแล้วจะออกไปลุยงาน ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามภาระหน้าที่ ชีวิตดี๊ดีกว่าตอนที่ตื่นสายแล้วต้องรีบทำธุระส่วนตัวแข่งกับเว­­ลาเป็นไหน ๆ

จัดเต็มอาหารเช้า

วิธีเติมพลังหลังวันหยุดยาว คึกคักรับงานเข้าชิล ๆ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด ร่างกายเราก็ต้องการอาหารเช้าเพื่อไปเติมเต็มการทำงานของส่วนต่­­าง ๆ ในร่างกายด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนกลับไปสู่โลกแห่งการทำงานตามเดิม ควรต้องจัดเต็มมื้อเช้าไปให้พร้อม อิ่มท้องแล้วจะได้ลุยงานได้เต็มที่ยังไงล่ะ

เคลียร์โต๊ะทำงาน

วิธีเติมพลังหลังวันหยุดยาว คึกคักรับงานเข้าชิล ๆ

ก่อนเคลียร์งานกองโต แนะนำให้จัดการกับสถานที่ทำงานของคุณให้เรี­ยบร้อยก่อน ทั้งฝุ่นและกองขยะที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนก็ทำความสะอ­­าดให้เรียบร้อย หรือหากมีเวลามากพอจะจัดโต๊ะทำงานใหม่ก็คงเติมความสดชื่นให้การ­­ทำงานได้ไม่น้อยเลย

ไล่เรียงตารางงาน

หยุดพักไปตั้งหลายวันอาจมีบ้างที่หลง ๆ ลืม ๆ ว่าเราค้างงานอะไรเอาไว้ ดังนั้นกลับมาทำงานวันแรกก็เริ่มเช็กทั้งอีเมล เช็กกับลูกค้า หัวหน้างาน และฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน หน้าที่การงานจะได้ไม่ตกหล่นนะจ๊ะ

เลิกซะเถอะนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

“เอาน่า พรุ่งนี้ก็ทัน” ใครติดนิสัยชอบพูดประโยคนี้บอกเลยว่าชีวิตคุณคงวุ่นวายไม่หาย โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องงานทุกอย่างก็คงไม่ราบรื่นพาให้ไม่อยากทำ­­งานไปซะเปล่า ๆ ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าไหมหากคุณเลิกเลื่อนวันผัดเวลา แล้วลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำอย่างเต็มที่ที่สุด เชื่อไหมว่าแค่นี้อารมณ์ทำงานก็มาเต็มแล้ว

ถึงเวลาพักก็พักให้เต็มที่

เวลาทำงานก็ทำงานให้เต็มที่ แต่ถึงเวลาพักเมื่อไรให้หยุดงานทุกอย่างลงทันที แล้วจับกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเม้าท์ถึงวันหยุดที่เพิ่งผ­่า­นไป เรียกคืนบรรยากาศคึกคักเบียดความตึงเครียดจากงานในออฟฟิศให้เกล­­ี้ยง ถือซะว่าเป็นช่วงเวลาได้ปลดปล่อยอีกหน่อยก่อนกลับไปทำงานต่อในช­­่วงบ่าย

ปล่อยให้ความสนุกสนานในช่วงวันหยุดผ่านพ้นไป แล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินกันต่อด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ด­­ูนะคะ แล้วชีวิตจะดีขึ้นจริงๆ ค่ะ

ที่มา : kapook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 เคล็ดลับคุมน้ำหนักในช่วงวันหยุดยาว

ช่วงวันหยุดยาวคัมแบ็คกลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะเป็นการได้ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ การเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ตลอดจนการสนุกกับการกิน ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกที น้ำหนักก็ไปไกลมากแล้ว วันนี้ SI มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปอย่างง่ายดาย ในช่วงวันหยุดยาวนี้ค่ะ

1.หลีกเลี่ยงการทานอาหารฟาสต์ฟู้ดข้างทาง

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้นเต็มไปด้วยไขมัน ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากทานในปริมาณมากสามารถทำให้น้ำหนักตัวพุ่งกระฉุดได้อย่างง่ายดาย หากอยู่ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ให้พกของว่างที่ดีต่อสุขภาพติดตัวไว้เสมอ สิ่งที่สำคัญอย่าจากบ้าน ในขณะที่ท้องกำลังหิว เพราะคุณจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า หากคุณหิวแต่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารให้พกโปรตีนเช็คเอาไว้ด้วย จะช่วยลดความหิวลงได้

2.เตรียมอาหารที่พกพาสะดวก

การเตรียมของว่างติดตัวนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่ลองหาอาหารที่สามารถพกพาได้ง่าย เช่น ถั่วลิสงอบกรอบสำเร็จรูป โปรตีนบาร์ รวมถึงผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ เช่น ฝรั่ง แอปเปิลหรือกล้วย ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย เมื่อรู้สึกหิวสามารถนำออกมาทานได้ทันที มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย

3.อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการกิน

การเดินทางไปพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ จะมีอาหารล่อตาล่อใจ จนทำให้คุณรู้สึกเริ่มหิวขึ้นมาได้ เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จนทำให้เผลอใจทานอาหารแคลอรี่สูงจนต้องมานั่งเสียใจทีหลัง หากคุณเหนื่อยล้าให้นอนพักผ่อนหรือเดินเล่นชื่นชมธรรมชาติ จะทำให้รู้สึกสดชื่นมากกว่า อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการทานอาหารแคลอรี่สูงเลยค่ะ

4.ตุนอาหารที่มีประโยชน์ในตู้เย็น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยวหรืออยู่ที่บ้านก็ตาม ในตู้เย็นของคุณ ควรเต็มไปด้วยผักและผลไม้ รวมถึงนมและโยเกิร์ต เมื่อรู้สึกหิวก็สามารถนำออกมาทานได้เลย ไม่ต้องกลัวอ้วน ทำให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่พอดีอีกด้วย

5.ใส่ใจการทานอาหารเช้า

การเดินทางท่องเที่ยวไปพักตามโรงแรมต่าง ๆ ในมื้อเช้าโรงแรมจะเตรียมอาหารเอาไว้ให้ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เต็มไปด้วยแคลอรี่ ให้ลองหาอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น ไข่ต้ม ผลไม้ ผักสด มาทานร่วมกับนมหรือโยเกิร์ตจะดีกว่า เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักตัวแล้ว

ในช่วงวันหยุดยาว เป็นช่วงที่หลายคนเผลอตัวทานของอร่อยมากจนเกินไป จนทำให้น้ำหนักตัวพุ่งกระฉุด แล้วต้องมารู้สึกผิดทีหลัง กว่าจะลดน้ำหนักได้อีกครั้ง บางคนอาจจะท้อไปซะก่อน เพราะการลดน้ำหนักต้องอาศัยระยะเวลา ไม่ใช่ปุปปัปจะลดได้ทันใจ ดังนั้น ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปลองทำตาม จะช่วยทำให้การควบคุมน้ำหนักในช่วงวันหยุดยาวกลายไปเรื่องง่ายมากขึ้น

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


Anti-Aging หยุดความแก่ด้วย 4 เทคนิคง่ายๆ

คำว่า  Anti Aging  ที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ นั้น ในทางการแพทย์หมายถึงการชะลอวัย หรือการฟื้นฟูการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ที่จะช่วยทำให้คุณเข้าสู่ความชราช้าลง โดยมีหลักอยู่ที่การรักษา ฟื้นฟู และป้องกัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และมีอายุที่ยืนยาว

ทั้งนี้ Aging หรือความแก่ชรานั้น ถือได้ว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งที่เราสามารถป้องกันและฟื้นฟูได้ โดยเมื่อไหร่ที่ร่างกายเริ่มมีสัญญาณ เช่น เหนื่อยง่าย ตื่นยาก นอนไม่หลับ อ้วนง่าย มีริ้วรอยต่างๆ คือสัญญาณเตือนว่าโรคความแก่ชราเริ่มมาเยี่ยมเยือนคุณแล้ว ซึ่งก็ควรได้รับการรักษาฟื้นฟูด้วยศาสตร์ชะลอวัยหรือ Anti Aging โดยมีหลักปฏิบัติในการดูแลตัวเองง่ายๆ เรียกว่า 4H ค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันค่ะ

1. Healthy Weight คือการรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้คนแก่เร็วและยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายก็จะลดลงไปในแต่ละวัน จึงทำให้อ้วนได้ง่าย ควรเลี่ยงการกินแป้งและน้ำตาลขัดขาว

2. Healthy Diet and Life Style Healthy diet หมายถึง การเลือกรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง อย่างผักผลไม้ที่ช่วยเสริมวิตามินและแร่ธาตุ, การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ, การเลือกอาหารปลอดสารพิษ หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของหวาน หรืออาหารจำพวกแป้ง น้ำตาลและอาหารที่เค็มจัด ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์นั้น หมายถึงการใช้ชีวิตอย่างสมดุล แบ่งเวลาให้กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

3. Healthy Mind คือการออกกำลังขัดเกลาจิตใจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย การออกกำลังสมอง โดยให้ลองหัดทำอะไรที่ไม่เคยทำ เช่น เล่นเกมหรือกีฬาที่ไม่เคยเล่น ลองเปลี่ยนเส้นทางหรือวิธีการเดินทางไปทำงาน เพื่อกระตุ้นและฝึกสมองในส่วนต่างๆ ให้มีการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กัน ทั้งในแง่การคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และการวางแผนต่างๆ ดีขึ้น ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถัดมาคือ การออกกำลังใจ หรือ การทำสมาธิ ปัจจุบันมีผลวิจัยพบว่าคนที่ทำสมาธิเป็นประจำจะมีสมองที่ดีและคิดอะไรได้ฉับไวกว่าอายุจริง ทั้งยังช่วยให้ร่างกายแก่ชราช้าลง เพราะการนั่งสมาธินั้นทำให้การหายใจคงที่ ร่างกายจึงใช้ออกซิเจนลดลง อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลง ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพช้าลงตามไปด้วย และยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

4. Healthy Skin เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีบทบาทสำคัญต่อผิวลดลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยร่องลึก เหี่ยวย่น อีกทั้งแสงแดดและมลภาวะยังคอยทำร้ายผิวทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ซึ่งวิธีการฟื้นฟูได้ดีและตรงจุดนั้นก็คือ การเลือกใช้ครีมบำรุงที่เน้นในเรื่องของ Anti Aging ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและอีลาสติน ต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยรักษาปัญหาได้ตรงจุด

ที่มา : praew.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


แอนโทไซยานิน สารอาหารตัวจี๊ด

ปัจจุบันสารแอนโทไซยานิน เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ลดอาการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และต้านไวรัส ทำให้มีการนำสารชนิดนี้มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยพบได้จากธรรมชาติพบได้มากในผัก และผลไม้ที่มีสีน้ำเงิน สีแดง และ สีม่วง เช่น กะหล่ำปลีม่วง มันเทศสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน เผือก หอมหัวใหญ่สีม่วง มะเขือม่วง พริกแดง องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิ้ลแดง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด บลูเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ มะเกี๋ยง ข้าวโพดสีม่วง เป็นต้น

1. ใช้เป็นส่วนผสมในแชมพู และครีมนวดผม ซึ่งสารแอนโทไซยานินจะช่วยกระตุ้นให้รากผมสร้างผมได้มากขึ้นถึง 3 เท่า

2. ใช้เป็นส่วนผสมในสารกันแดด (Sunscreen) ช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย ชะลอความเสื่อมสภาพของผิวหนัง เนื่องจากสารแอนโทไซยานินช่วยยับยั้งความเสียหายของผิวหนังจากกระบวนการออกซิเดชันที่เกิดจากแสงอัลตราไวโอเลต และหากใช้ร่วมกับวิตามินอีจะทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ยังใช้ทำสบู่ได้ด้วย

3. ช่วยดูดซับอนุมูลอิสระ เนื่องจากแอนโทไซยานินทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) ภายในสิ่งมีชีวิต ทำให้สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โดยพบว่าแอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซี และวิตามินอี ถึง 2 เท่า

ดังนั้น การรับประทานผักและผลไม้ที่เป็นแหล่งของสารแอนโทไซยานิน ส่งผลให้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภค สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราเลี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ และยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีด้วย ซึ่งปริมาณของแอนโทไซยานินที่มนุษย์สามารถบริโภคได้เฉลี่ยสูงสุด คือ 200 มิลลิกรัม

ที่มา : goodlifeupdate.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


โรคตาแห้ง ป้องกันได้ด้วย 4 วิธี

ฤดูหนาวอาจจะเป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้าคอย แต่ทุกคนรู้มั๊ยคะว่า ลมหนาวนอกจากจะทำให้ผิวพรรณของเราแห้งแล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาตาแห้งได้อีกด้วย เนื่องจากแสงแดดที่ร้อนจัดอาจเป็นสาเหตุหนี่งที่ทำให้เกิดโรคตาแห้ง ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงแต่หากทิ้งไว้ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้นขนอาจเกิดการอักเสบได้นะคะ

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง
ในช่วงหน้าหนาว อากาศแห้ง และเย็น ทำให้น้ำที่หล่อเลี้ยงลูกตาอยู่ตามธรรมชาติระเหยไปได้ง่ายกว่าปกติ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็เจอปัญหานี้ได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของกายภาพตาแต่ละคน

เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาระเหยอาจไม่มีอาการผิดปกติอะไร หรือมีอาการตั้งแต่ระคายเคืองตา เหมือนมีฝุ่น หรือทราย ค้างอยู่ในตาทั้งที่ไม่มี ถ้ารุนแรงกว่านั้นอาจมีอาการตาแดง แสบตา ซึ่งอาการพวกนี้จะเหมือนคนที่แพ้ยา เซลล์สร้างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาถูกทำลาย เกิดอาการตาอักเสบตามมา ในกรณีตาแห้งอย่างรุนแรงที่สุดคือ มีอาการอักเสบ ทำให้เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว แต่ไม่ถึงกับทำให้ตาบอด เพราะอากาศในเมืองไทยไม่ได้เย็นมาก

วิธีป้องกันปัญหาตาแห้ง
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ หากเราดื่มน้ำน้อยเกินไป ก็จะมีน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว เมื่อมีการระเหยเพิ่มขึ้นอีก ก็อาจจะทำให้ตาแห้งได้ง่ายยิ่งขึ้น

2. หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีลมพัดแรง หรือ บริเวณที่มีอากาศแห้งมาก อากาศเย็นมาก หรือมีแสงแดดร้อนจัด

3. กรณีที่รู้สึกเคืองตา ไม่สบายตา ควรกะพริบตา หรือ หลับตาค้างไว้สัก 5 วินาที เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตากลับมาฉาบเคลือบลูกตาไว้ เป็นการเพิ่มความชุ่มชิ่นให้ดวงตา โดยปกติ น้ำหล่อเลี้ยงจะอยู่บริเวณเปลือกตาบนด้านใน การกะพริบตาจึงเป็นการปรับสมดุลน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาตามธรรมชาติ แต่ถ้ากะพริบตา หรือ หลับตาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ให้หยอดน้ำตาเทียม เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น

4. ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา จะช่วยให้เกิดอาการตาแห้งน้อยลง โดยน้ำตาเทียมสามารถหาซื้อใช้เองได้ ไม่มีอันตราย ไม่ต้องกลัวว่าใช้แล้วจะเกิดโรคต่างๆ หรือใช้แล้วจะเกิดการติดยา โดยควรเลือกน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย ซึ่งน้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ตา ช่วยให้ผิวตามีสุขภาพดีขึ้น บรรเทาอาการเคืองตาต่างๆ

ตาแห้ง เป็นโรคซึ่งไม่เป็นอันตราย ไม่ถึงกับทำให้ตาบอด แต่จะสร้างความน่ารำคาญ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเรา แต่ก็มีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ฉะนั้นอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพดวงตาให้ชุ่มชื้นด้วยนะคะ หากสงสัยว่าเราเข้าข่ายโรคตาแห้งหรือไม่ สามารถมาพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัย และให้การรักษาต่อไปได้ค่ะ

ที่มา : goodlifeupdate.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 ประโยชน์เต็มแม็กซ์ของน้ำมันถั่วดาวอินคา

กระแสเทรนด์สุขภาพยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง Healthy Foods ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน วันนี้ SI มีอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นนั่นก็คือ น้ำมันถั่วดาวอินคา อาจเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับหลายคน แต่น้ำมันถั่วดาวอินคาได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์มานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ซึ่งแน่นอนเลยว่าคุณประโยชน์ต้องไม่ธรรมมาดาแน่นอนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1.เป็นแหล่งของสารแอนตี้ออกซิเด้นท์
น้ำมันถั่วดาวอินคามีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ที่จะช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ ทำให้ช่วยลดโอกาสที่คุณจะมีปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคต โดยเฉพาะโรคร้ายอย่างมะเร็ง

2.มีสารต้านการอักเสบ
นอกจากน้ำมันถั่วดาวอินคาจะมีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์สูงแล้ว มันก็ยังมีสารต้านการอักเสบมากไม่แพ้กันค่ะ โดยเฉพาะสารที่มีชื่อว่า แกมมา-โทโคฟีรอล (Gamma-tocopherol) นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทานน้ำมันถั่วดาวอินคาถึงช่วยให้ร่างกายอยู่ห่างไกลจากอาการอักเสบได้นั่นเอง

3.เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า
กรดไขมันโอเมก้า3 เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมาก ซึ่งเราสามารถพบกรดไขมันชนิดนี้ได้ในน้ำมันถั่วดาวอินคาเช่นกัน

4.ช่วยลดน้ำหนัก
สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอท การทานน้ำมันถั่วดาวอินคาอาจทำให้คุณลดน้ำหนักได้ เพราะการทานน้ำมันถั่วดาวอินคาจะช่วยเพิ่มการผลิตเซราโทนิน ซึ่งสามารถช่วยควบคุมความอยากอาหารได้ค่ะ

5.บำรุงสมอง
หนึ่งในสรรพคุณที่น่าสนใจของน้ำมันถั่วดาวอินคาก็คือ มันสามารถช่วยบำรุงสมองของเราให้มีสุขภาพดี เพราะน้ำมันถั่วดาวอินคาขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติช่วยปกป้อง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อสมอง ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันถั่วดาวอินคายังมีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของเซราโทนินที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้คุณรู้สึกสงบ และมีความสุขมากขึ้นค่ะ

6.ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
ประโยชน์ของน้ำมันถั่วดาวอินคาที่มีต่อระบบหัวใจและหลอดถือว่าไม่ธรรมดาเลยค่ะ เพราะมันสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกายไปพร้อมกับลดความดันและคอเลสเตอรอลในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ในปี ค.ศ. 2011 พบว่า น้ำมันถั่วดาวอินคาอาจช่วยลด LDL ของผู้ป่วย ซึ่งมันถูกจัดว่าเป็นคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีอย่าง HDL ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจค่ะ

7.ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่พบได้ในน้ำมันถั่วดาวอินคานั้นไม่เพียงแต่ดีต่อสมองเท่านั้น แต่มันยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมอีกด้วย หากร่างกายได้รับแคลเซียมเพียงพอ คุณก็จะมีมวลกระดูกมากขึ้น และมีกระดูกที่แข็งแรง ส่งผลให้คุณมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนน้อยลงค่ะ

8.ดีสำหรับข้อต่อ
สำหรับคนที่มักมีอาการปวดตามข้อต่อ การทานน้ำมันถั่วดาวอินคาเป็นอาหารเสริมสามารถช่วยให้อาการปวดข้อต่อบรรเทาลง และลดโอกาสในการเกิดโรครูมาตอยด์ ถ้าอยากมีข้อต่อที่แข็งแรง การทานน้ำมันถั่วดาวอินคาสามารถช่วยคุณได้ค่ะ

9.ควบคุมโรคเบาหวาน
ใครที่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคเบาหวาน เราขอแนะนำให้คุณทานน้ำมันถั่วดาวอินคาค่ะ เพราะมันมีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับของอินซูลินและกลูโคสในเลือด นอกจากนี้กรดไขมันในน้ำมันถั่วดาวอินคายังช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ที่มักมีประมาณสูงเมื่อเป็นโรคเบาหวานค่ะ

10.ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
เห็นด้วยไหมคะว่า การนอนไม่หลับนั้นเป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณทานน้ำมันถั่วดาวอินคาค่ะ เพราะมันมีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มระดับของเซราโทนิน โดยมันจะทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงยังช่วยให้การนอนมีคุณภาพ และป้องกันโรคที่เกี่ยวกับการนอนหรือโรคนอนไม่หลับค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณจะเห็นได้ว่า น้ำมันถั่วดาวอินคาเป็นน้ำมันที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของเรามากทีเดียว หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง รับรองว่าการทานน้ำมันถั่วดาวอินคาจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

ที่มา : drhealthbenefits.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 เคล็ดลับ ผิวใสหน้าเด็กโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

สำหรับคนที่รักสวยรักงาม เมื่ออายุมากขึ้นจำเป็นต้องหาวิธีดูแลสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวพรรณที่เริ่มมีอาการหมองคล้ำไม่สดใส แต่จะมีวิธีการอย่างไรในการดูแลผิวพรรณให้สดใสผุดผ่องดูอ่อนกว่าวัย เราลองมาดูกัน

1.ใช้น้ำเย็นหลังหน้า

ทุกครั้งหลังล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ใช้น้ำเย็นจัดล้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง น้ำเย็นนอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระชับรูขุมขนทำให้ผิวดูสวยใสน่าสัมผัส

2.บริหารใบหน้า

การบริหารใบหน้าจะช่วยให้กล้ามเนื้อยกกระชับ ผิวหนังยืดหยุ่นได้ดี ช่วยให้หน้าแลดูอ่อนกว่าวัย ตัวอย่างการบริหารใบหน้า เบิกตากว้างค้างไว้ ช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา การทำแก้มป่องเหมือนกับคนเป่าขลุ่ยหรือแซกโซโฟน เป็นการเกร็งกล้ามเนื้อแก้มให้แข็งแรง สำหรับผู้เริ่มต้นอย่าทำหักโหม จะทำให้เกิดอาการเมื่อยตึงบนใบหน้าได้

3.พักหน้า

ให้เวลาพักหน้าบ้าง โดยการงดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด เปิดโอกาสให้ผิวหน้าได้สัมผัสอากาศธรรมชาติ การใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ นอกจากทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวหนังถูกกระตุ้นตลอดเวลาแล้ว ถ้าหากทำความสะอาดไม่ดีจะทำให้เกิดริ้วรอย เกิดปัญหาสิว และทำให้ผิวอักเสบได้

4.รับประทานผักผลไม้หลายสี

ผักผลไม้มีเกลือแร่ วิตามินและเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผักผลไม้ที่มีสีสันแตกต่างกันไปให้คุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีสารไฟโตนิวเทรียนท์ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดสมดุล กำจัดสารพิษ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผักสีเขียวบำรุงผิวลดริ้วรอย ผักสีม่วง กระตุ้นการทำงานของเซลล์ ชะลอความชรา ผักสีขาวและน้ำตาล ลดการอักเสบ สีแดง บำรุงหัวใจและบอด สีส้ม มีเบต้าแคโรทีนลดความเสื่อมของเซลและลดไขมันในเส้นเลือด

5.นอนหลับให้เพียงพอ

การอดนอนทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอย หมองคล้ำ ผิวหน้าไม่กระจ่างใจ การหลับนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ผิวพรรณดูสดใสผุดผ่อง

6.ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลลอรี่ ทำให้เหงื่อออกช่วยขับของเสียออกจากรูขุมขน ลดการเกิดสิว ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง การออกกำลังกายอย่างเพียงพอมีส่วนสำคัญทำให้ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

ด้วยเคล็ดลับวิธีการง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดี โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมให้เจ็บตัว

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


8 วิธีดูแลผิวเมื่อลมหนาวมาเยือน

ลมหนาวแวะมาทักทายอีกแล้ว แต่หน้าหนาวผิวแห้ง เป็นของคู่กันจริงๆ และเป็นปัญหาที่กวนใจสาวๆอย่างมาก วันนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เรามาพร้อมวิธีการแก้ไข ที่จะทำให้สาวๆมีผิวที่นุ่ม ชุ่มชื่น อีกครั้ง รวมวิธีดูแลผิวหน้าช่วงหน้าหนาว จะมาเป็นตัวช่วยให้สาวๆได้กลับมามั่นใจอีกครั้ง พร้อมเผชิญกับทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะหน้าหนาว หน้าร้อน หน้าฝน ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะ SI มีเคล็ดลับดีๆ ของดูแลผิวหน้าผิวกายในช่วงหน้าหนาวนี้มาฝากกันค่ะ

1.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ

ข้อที่แนะนำข้อที่สำคัญมาก ใช้กับทั้งอากาศหนาวทุกระดับตั้งแต่หนาวบ้านเราไปจนหนาวติดลบ ทุกครั้งหลังอาบน้ำอย่าลืมชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่สูญเสียไปจากแดดและลมหนาว รวมไปถึงจากน้ำอุ่นที่เพิ่งอาบไป และอย่าลืมบำรุงผิวบริเวณนิ้วและมือของคุณด้วยครีมทามือ เพราะเรามักลืมกันว่ามือและนิ้วของเรานี่มักผ่านการล้างน้ำ สัมผัสสิ่งต่างๆ มากกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ

2.การหลีกเลี่ยงน้ำร้อน

หน้าหนาวแบบนี้หลายคนมีทางออกด้วยการอาบน้ำอุ่น แต่ทราบหรือไม่ว่าการอาบน้ำอุ่นเป็นต้นเหตุทำให้ผิวหน้าสาวๆเกิดอาการแห้ง แตก ดังนั้นกลั้นใจอาบน้ำเย็นดีกว่า แถมยังมอบความชุ่มชื้น และยังทำให้รูขุมขนกระชับด้วย

3.ขัดผิวอาทิตย์ละครั้ง

สาวๆหลายคนชื่นชอบการขัดผิว เพราะฉะนั้นหากถึงหน้าหนาวสาวๆควรที่จะหยุดขัดผิว เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้สาวๆมีผิวที่แห้ง แนะนำให้ขัดผิวอาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกสิ่งที่นุ่ม มีความอ่อนโยนมาขัดผิว เพื่อให้ได้ผิวที่เนียน นุ่ม

4.การเลือกใช้สบู่อ่อนๆ

หน้าหนาวแบบนี้อย่าลืมเลือกใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยน เพราะหากเลือกใช้สบู่ที่มีสารเคมีจะทำให้ผิวของสาวๆแห้ง แตก เพราะฉะนั้นควรเลือกสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว และมีความชุ่มชื่น

5.การทาเบบี้ออยล์หลังอาบน้ำ

เมื่อสาวๆทำการอาบน้ำเสร็จ อย่าลืมที่จะทำการบำรุงผิวตัวเองด้วยการมอบความชุ่มชื่นให้กับผิว แนะนำให้เลือกทาเบบี้ออยล์ 2-3 หยุด ในขณะที่ผิวยังเปียกอยู่ การทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้ผิวของสาวๆชุ่มชื่น นุ่ม เหมือนผิวเด็ก ควรทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน เพื่อผิวที่ดี

6.การทามอยเจอร์ไรเซอร์

การเลือกทามอยเจอร์ไรเซอร์ ถือเป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวของคุณ แต่อย่าลืมเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความเข้มข้น ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดี และต้องเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของสาวๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด

7.การเลือกทาครีมกันแดด

ถึงแม้ว่าหน้าหนาวจะไม่คอยมีแดดสักเท่าไหร่ แต่สาวๆอย่าลืมเลือกที่จะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านด้วนนะ เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากแสงแดดอ่อนๆ แถมยังทำให้ผิวหน้าไม่หมองคล้ำอีกด้วย แนะนำ Yadah Oh My Sun Slush Sunscreen SPF50+/PA+++ เนื้อเจลมอบความนุ่มนวล ชุ่มชื่น และให้ผิวดูมีชีวิตชีวา พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดด

8.พักผ่อนให้เพียงพอ

ณ จุดที่อากาศหนาวจริงจัง มาเยือนเราไม่บ่อยครั้งนัก สิ่งที่ฟินคือการนอนใต้ผ้าห่มนุ่มๆ อุ่นๆ น่าจะดีกว่าการออกไปเที่ยวข้างนอก หรือ อดหลับอดนอนนะจ๊ะ เพราะหากคุณพักผ่อนไม่พอ ร่างกายของคุณจะอ่อนเพลียและรู้สึกเหมือนขาดน้ำ ผิวกายหยาบแห้งกร้าน และต่อให้คุณอาบชโลมผิวด้วยครีมบำรุงผิว ตั้งหน้าตั้งตาดื่มน้ำมากเพียงใดก็ไม่สามารถลบความเหนื่อยและทดแทนน้ำหล่อเลี้ยงที่ร่างกายสูบไปใช้เพื่อพยุงให้กลไกของร่างกายทำงานได้ ข้อแนะนำข้อนี้อีกเช่นกันที่ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวเมืองหนาวระดับไหน ก็อย่าได้ละเลยการนอนหลับพักผ่อน

ที่มา : yadahthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


7 ประโยชน์ของทับทิมด้านสุขภาพ

ทับทิม (Pomegranate) เป็นผลไม้มงคลของจีน ทับทิมอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุมากมายที่จำเป็นต่อร่างกายเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และ SI จะพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ของทับทิมให้มากขึ้นกันค่ะ

ต้านเบาหวาน
ทับทิมเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงเป็นเป็นผลไม้ที่ช่วยต้านเบาหวานได้อย่างดี ปริมาณทับทิม 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 83 แคลอรี่ ซึ่งมากกว่าแอปเปิ้ลเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่ไม่มีไขมันอิ่มตัว

ช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่าย
ทับทิมมีเส้นใยอาหารในปริมาณ 100 กรัม ให้ไฟเบอร์ถึง 4 กรัม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และใยอาหารจะช่วยลดการดูดซึมของไขมันและคอเรลสเตอรอลอีกด้วย

ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
ทับทิมยังช่วยลดน้ำหนักและควบคุมคอเลสเตอรอล การรับประทานทับทิมเป็นประจำจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ทับทิมมีวิตามินซี จึงช่วยป้องกันโรคหวัด หรือโรคภูมิแพ้ และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี

บำรุงหัวใจ
การรับประทานทับทิมเป็นประจำช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันการอุดตันในหลอดเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ทับทิมอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย เช่น แอนโทไซยานิน โพลีฟีนอล ฟีนอลิก กรดเอลลาจิก แทนนิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้

อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
ทับทิมเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดีมีกลุ่มวิตามินบีรวมที่สำคัญ เช่น วิตามินบี2 หรือไรโบเฟลวิน, วิตามินบี 5 หรือกรดแพนโทเธนิค, วิตามิน B6 หรือไพริดอกซีน, โฟเลต, วิตามินเค และโพแทสเซียม

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


20 ประโยชน์ครบเครื่องเรื่องน้ำมันจมูกข้าว

น้ำมันจมูกข้าว (Rice germ Oil) มีสารสำคัญคือ แกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ทำหน้าที่เพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ให้กับร่างกาย วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จัก 20 ประโยชน์ของน้ำมันจมูกข้าวกันค่ะ

1. ลดระดับโคเลสเตอรอล
2. ลดและป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
3. ช่วยให้สมองและหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. บำรุงเซลล์ประสาทและสมอง ทำให้ความจำดี
5. บรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
6. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
7. ป้องกันความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
8. ชะลอความแก่ ผิวพรรณสดใส
9. กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
10. มีผลในการลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาล รวมทั้งการอุดตันของหลอดเลือด
ในหัวใจ สมอง ไตและต่อมลูกหมาก
11. บรรเทาอาการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งมีผลทำให้เกิดปัญหากระดูกและข้อต่อ
12. ช่วยยับยั้งและป้องกันการทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อของสารอนุมูลอิสระ
13. ช่วยลดการอุดตันและการแข็งตัวของเกร็ดเลือด รวมทั้งความเข้มข้นของเลือด
ที่เกิดจากการฉายรังสีและการรับประทานยาลดความดัน
14. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนประเภทต่าง ๆ จากต่อมใต้สมอง ต่อมไร้ท่อ ต่อมลูกหมาก ต่อมหมวกไต ตับอ่อน รังไข่และอัณฑะ
15. ช่วยในการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย ทำให้สายตาดีขึ้นและช่วยป้องกันการเกิดของโรคต้อ
16. ช่วยระบบขับถ่ายให้ทำงานดีขึ้น
17. ช่วยการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการผ่อนคลายและนอนหลับสบาย
18. บรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากอาการไมเกรน
19. ช่วยฟื้นฟูผิวหนังที่แห้งและเหี่ยวย่น
20. บรรเทาอาการมึนศีรษะเพราะการดื่มสุรา

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน